‘โยฟุ’ แจ้งเกิดสแน็กเต้าหู้ทอด ธุรกิจเงินล้านของเถ้าแก่รุ่นใหม่

“เต้าหู้ทอด” ขนมกินเล่นที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ถูกนำมาแต่งตัวใหม่ในรูปแบบสแน็ก เข้ากับกระแสรักสุขภาพและเหมาะต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โยฟุ” (Yofu) จากผู้ประกอบการน้องใหม่วัยเพียงยี่สิบกลางๆ ที่บุกเบิกธุรกิจด้วยตัวเองทั้งหมด

“วิศรุต สุคนธ์พงเผ่า” (โจ้) และ “ศิระ เพื่อนชอบ” (ต่อ) วัย 26 และ 25 ปีตามลำดับ คือเจ้าของธุรกิจดังกล่าว ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้ตั้งแต่เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเรียนจบทำงานประจำแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนจะร่วมกันสร้างอาชีพเพราะอยากเป็นเถ้าแก่ตั้งแต่อายุยังน้อย

“ก่อนหน้านี้เราเคยร่วมกันทำอาหารแช่แข็งและชานม ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก จนมีอยู่วันหนึ่งผมซื้อเต้าหู้ทอดไปฝากพ่อ แต่กว่าจะถึงบ้านก็นิ่มไม่อร่อย ทำให้อยากทำเต้าหู้ทอดที่สามารถเก็บไว้กินได้นาน และกินที่ไหนก็ได้ เลยไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ปรากฏไม่มีวิธีการทำอยู่เลย และไม่เคยมีสินค้าชนิดนี้มาก่อน ทำให้ผมเห็นโอกาสทางการตลาด เพราะถ้าทำได้จะทั้งแปลกใหม่และเข้ากับกระแสรักสุขภาพ” เจ้าของชื่อเล่นโจ้กล่าว และเล่าต่อว่า

สูตรและกระบวนการผลิตทั้งหมดคิดค้นขึ้นเองภายในห้องครัวที่บ้าน ทำทิ้งทำเสีย ลองผิดลองถูกอยู่กว่า 11 เดือน โดยหัวใจหลักมาจากกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เครื่องจักรพิเศษสั่งประกอบขึ้นเอง ผ่านกรรมวิธีอบไล่น้ำมัน ควบคู่กับใช้วัตถุดิบ “ถั่ว” พันธุ์เฉพาะมีเนื้อละเอียดและ Non-GMO ซึ่งเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยชื่อพันธุ์ได้ โดยเต้าหู้ทอดที่ได้นั้นจะมีคุณสมบัติพอง กรอบ ไม่เหม็นหืน อยู่ได้นาน 6 เดือนในอุณหภูมิปกติ ซึ่งได้จด “สิทธิบัตร” กรรมวิธีการผลิตเต้าหู้ทอดกรอบไว้เรียบร้อยแล้ว

“ผมเริ่มจากไม่มีความรู้เกี่ยวกับเต้าหู้ทอดเลย ก็ศึกษาเอง ทุกครั้งที่ทดลองทำจะจดสูตร พร้อมกับพัฒนากระบวนการผลิต จนได้เต้าหู้ทอดที่ให้คนใกล้ชิดชิมแล้วบอกว่าอร่อย แม้แต่คนที่ไม่ชอบกินเต้าหู้ทอดก็ยังกินได้”

“ช่องทางขายเริ่มแรก ใส่ซองติดสติกเกอร์ง่ายๆ ทำแค่ 1,000 ซอง ใส่ท้ายรถไปขอวางขายตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งเราเป็นแค่เด็กสองคน ไม่มีใครรู้จัก มีร้านชำเล็กๆ 6 แห่ง กรุณาให้เราวางขายได้ แต่ผลปรากฏว่าแค่เดือนเศษๆ สินค้าขายออกหมดทั้งๆ ที่ไม่เคยโปรโมตใดๆ เลย ทำให้พวกผมมีกำลังใจมาก ผมเลยพูดกันต่อว่าต้องลงมือทำเป็นธุรกิจจริงจังแล้ว” วิศรุตเผย

ทว่า ปัญหาเบื้องต้นของสองหนุ่มคือ ไร้เงินทุนที่จะทำธุรกิจตามตั้งใจ แม้จะติดต่อสถาบันการเงินต่างๆ ก็ไม่มีที่ใดอนุมัติ กระทั่งวิศรุตไปขอยืมเงินจากญาติผู้มั่งมีคนหนึ่งจำนวน 2 ล้านบาท โดยเช่าห้องแถวย่านรามอินทราเป็นโรงงานผลิต พร้อมลงเครื่องจักร ดำเนินธุรกิจภายใต้ “บริษัท โกจิโซ ดิสทริบิวชั่น จำกัด” แบรนด์ “โยฟุ” (Yofu) โดยมี “สแน็กเต้าหู้ทอด” เป็นสินค้าแรกของบริษัท

เบื้องต้นมี 2 รสชาติ ได้แก่รสสไปซี ปาปริกา ซึ่งเป็นสูตรคิดค้นขึ้นเอง กับรสสาหร่าย ได้รับการพัฒนาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บรรจุซองขนาด 27 กรัม ราคา 25 บาท วางตำแหน่งให้เป็นขนมกินเล่น หรือสแน็กที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

เมื่อมีบรรจุภัณฑ์สวยงาม พร้อมเป็นสินค้าแปลกใหม่ เมื่อไปเสนอซูเปอร์มาร์เกตชื่อดังต่างๆ ได้รับการตอบรับทันที ปัจจุบันมีวางขายทั้งที่วิลล่า มาร์เกต ฟู้ดแลนด์ เลมอนฟาร์ม โฮมเฟรชมาร์ท ร้านริมปิง เป็นต้น และอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะวางขายในร้านสะดวกซื้อเจ้าดังด้วย

เจ้าของธุรกิจหนุ่มเผยว่า ธุรกิจเริ่มออกตลาดเมื่อกลางปี 2556 ที่ผ่านมานี่เอง ผลตอบรับดีมาก ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกเดือน จนปัจจุบันกำลังผลิต 1,200 ซองต่อเดือนไม่เพียงพอต่อคำสั่งซื้อที่เข้ามาแล้ว ดังนั้น เพื่อขยายกำลังผลิตรองรับการเข้าขายในร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง ได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ มาตรฐานระดับส่งออกครบถ้วน สามารถผลิตได้กว่า 20,000 ซองต่อวัน ภายใต้งบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท

ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่อายุน้อย วิศรุตระบุว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง กล่าวคือ ข้อดีมักจะได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่เห็นถึงความตั้งใจจริง ส่วนข้อเสียมักไม่ได้รับความเชื่อถือ โดยเฉพาะจากสถาบันการเงิน

“ผมวางแผนในปลายปีนี้ (2557) จะต้องส่งออกต่างประเทศ ตลาดเป้าหมายคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และปี 2558 จะขยายไปตลาดอาเซียนรับเปิดเออีซี และปี 2559 ผมฝันว่าอยากจะมีโรงงานของตัวเองไปตั้งในทวีปต่างๆ ให้เป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งผมเชื่อว่าเต้าหู้มันสามารถพาเราไปสู่จุดนั้นได้ เพราะเราไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย อีกทั้งทัศนคติของผู้บริโภคต่อเต้าหู้เปลี่ยนแปลงไปมาก ขนาดชาวตะวันตกที่เคยรู้สึกว่าเต้าหู้มีกลิ่นเหม็นเดี๋ยวนี้ก็นิยมกินมากขึ้นตามกระแสรักสุขภาพ” วิศรุตกล่าว

ผลตอบรับอย่างน่าชื่นใจเป็นบทพิสูจน์เบื้องต้นให้เห็นถึงพลังคนรุ่นใหม่ หากมุ่งมั่นจริงความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ส่วนอนาคตจะต่อยอดให้เติบใหญ่และยั่งยืนได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

โทร. 0-2551-3913 หรือ www.yofusnack.com

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *