สสว.เผยชีพจรธุรกิจเอสเอ็มอีเดือน มี.ค.ยอดขายลดลงกว่า 50% ขณะที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิกแล้ว แต่ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรยังไม่ฟื้น ยอดขายน้อยกว่าปกติเกินครึ่ง ระบุเตรียมจับมือ คปภ.และ บสย.ทำประกันภัยทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการรายเล็กถูกผลกระทบการเมือง พร้อมจับมือหอการค้าไทยคลอด 2 โครงการส่งเสริมความสามารถ และขยายช่องทางตลาดให้แก่เอสเอ็มอีฟรีๆ
นายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจผลกระทบของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ล่าสุดในเดือนมีนาคมนี้ยังพบว่า 85% ได้รับผลกระทบจากการเมือง และมียอดขายลดลงถึง 50% และคาดว่าในไตรมาส 2 สถานการณ์ของเอสเอ็มอียังอยู่ในภาวะชะลอต่อไป
นอกจากนั้น แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว อีกทั้งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายเวทีไปรวมอยู่ที่สวนลุมพินีแห่งเดียว ทว่า จากการสอบถามสมาคมผู้ประกอบการค้าตลาดนัดจตุจักร พบว่ายอดขายของผู้ประกอบการในตลาดนัดจตุจัตรยังคงต่ำกว่าภาวะปกติ 50% ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่าดีกว่าช่วงเดือน ม.ค.และ ก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งยอดขายลดลงไปถึง 90% เนื่องจากในเวลานั้นตลาดนัดจตุจักรอยู่ใกล้บริเวณการตั้งเวทีชุมนุมแยกลาดพร้าว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาซื้อหาสินค้าในตลาดนัดจตุจักรได้
ผอ.สสว.เผยต่อว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองนั้น นอกจากมาตรการด้านการเงินที่ สสว.ไปร่วมกับสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่งตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้ สสว.กำลังหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อจะทำประกันภัยความเสี่ยงทางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมืองให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย เนื่องจากเดิมผู้ประกอบการรายย่อยจะไม่สามารถทำประกันภัยดังกล่าวได้ เพราะขาดหน้าร้านหรือสถานประกอบการที่จะใช้เป็นหลักค้ำประกัน โดยรูปแบบอาจจะเป็นลักษณะการให้ซื้อพ่วงประกันภัยอื่นๆ เช่น พ่วงกับประกันภัยบ้านและที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยคิดเบี้ยประกันถูกเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีหลักประกันลดเสี่ยงทางธุรกิจ ซึ่งบทสรุปของโครงการนี้จะชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้
พร้อมกันนี้ ทาง สสว.กำลังศึกษาแนวทางลดหย่อนภาษีให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยการหาแนวทางเปรียบเทียบกับการเก็บภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าแผนการลดภาษีให้แก่เอสเอ็มอีจะสามารถเสนอไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อไป
นอกจากนั้น สสว.พยายามเพิ่มความสามารถให้แก่เอสเอ็มอีเพื่อจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับหอการค้าไทยจัด 2 โครงการส่งเสริม ได้แก่ 1. โครงการบ่มเพาะ SMEs ไทย ก้าวไกลสู่ AEC เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาบ่มเพาะความรู้ โดยเฉพาะด้านการเขียนแผนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงินได้ รวมถึง ยังเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเปิดตลาดสู่ต่างประเทศ อีกทั้งยังสร้างเครือข่ายธุรกิจอีกด้วย โดยจะเปิดรับเอสเอ็มอีเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 150 ราย
และ 2. โครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนายั่งยืน ซึ่งโครงการนี้ทาง สสว.จะเข้าไปช่วยเหลือด้านการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในภาคต่างๆ เริ่มจากการพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ให้มีช่องทางการตลาดใหม่ผ่านการออกงานแสดงสินค้าทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 1 จังหวัด และครั้งละไม่น้อยกว่า 3 วัน โดยตั้งเป้าจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคใต้ที่ได้รับประโยชน์เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 300 ราย และเกิดมูลค่าการซื้อขายและคำสั่งซื้อภายในงานรวมไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท
สำหรับ 2 โครงการดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสมัครเข้าร่วมได้ฟรี เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 57 มีระยะเวลาดำเนินโครงการถึงสิ้นเดือน ก.ย. 57 สนใจติดต่อได้ที่ FB:บ่มเพาะ SMEs ไทย ก้าวไกลสู่ AEC หรือส่งใบสมัครที่ smethai.aec@gmail.com หรือสอบถามได้ที่ 0-2938-7950
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *