ในช่วงนี้ยังเป็นช่วงของการจัดงาน OTOP CITY ใครหลายคนก็คงจะได้ไปชอป กิน เที่ยวกันมาบ้างแล้ว ซึ่งในปีนี้เหมือนกับทุกปี เราจะได้เห็นการพัฒนาของโอทอปที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน เครื่องหมาย OTOP การันตีความอร่อยได้แน่นอน
เช่นเดียวกับกะละแมของลุงคนนี้ “ลุงสมพร ผู้มีจรรยา” สูตรกะละแมจากเมืองเจดีย์โต “นครปฐม” ซึ่งการันตีความอร่อยด้วย OTOP 5 ดาวระดับประเทศมาหลายปี ซึ่งลุงพรไม่ได้หยุดอยู่แค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ยังได้เห็นการคิดพัฒนากะละแมในรูปแบบใหม่ๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็น กะละแมธัญพืช จนมาสิ้นสุดที่กะละแมหลากสี ซึ่งมาจากการเติมส่วนผสมของพืชผัก ผลไม้ ตามธรรมชาติลงไป จนได้กะละแมอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร
ลุงพรเล่าว่า สำหรับกะละแมหลากสีที่เห็นมาจากการเติมพืชผัก สมุนไพรตามธรรมชาติลงไป เช่น กะละแมสีเหลืองมาจากสับปะรด กะละแมสีเขียวมาจากใบเตย และกะละแมสีชมพูมาจากสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น ลุงไม่เคยหยุดนิ่งในการที่จะพัฒนากะละแมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมกะละแมอร่อย แบบไม่ซ้ำซากจำเจ
ประกอบกับสินค้าเป็นของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทำให้ต้องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ขึ้นคัดสรร OTOP ระดับประเทศ ทุกปี ดังนั้นทำให้เราหยุดนิ่งไม่ได้ ในปีนี้เราได้คิดทำกะละแมหลากหลายสีขึ้นมาเพื่อส่งเข้าคัดสรร ซึ่งในปีก่อนหน้านี้ได้ส่งกะละแมใบเตยเพียงอย่างเดียว ทำให้เราผ่านการคัดสรรเพียงแค่ 3 ดาว ปีนี้ส่งกะละแมหลากหลายสีมากขึ้น ในขณะที่ กะละแมธัญพืช ที่เราทำในอดีต ในปีนี้เราก็ไม่ได้ทำ เพราะติดปัญหา คือมันเสียง่าย อายุการเก็บไม่นาน ก็เลยไม่ทำ หันมามุ่งทำกะละแมหลากสี ซึ่งในกะละแมหลากสีมีส่วนผสมของผลไม้อยู่ด้วย อย่างเช่น สับปะรด มีเนื้อสับปะรดอยู่ด้วย
ลุงพรบอกถึงช่องทางการขายว่า ที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากการออกร้านงาน OTOP อยู่ค่อนข้างมาก เพราะมีคนสนใจมารับสินค้าไปขายต่อตามร้านขายของฝากจากทั่วประเทศ ลุงก็เลยทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ผลิตเท่านั้น ส่วนการทำตลาดก็จะมีเพียงแค่การออกร้านงานโอทอปตามสถานที่ต่างๆ หลังจากนั้นก็จะผลิตตามออเดอร์ การสั่งซื้อตามร้านขายของฝากเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้จากการขายส่งให้แก่ร้านขายของฝากปีหนึ่งประมาณ 2 ล้านบาท
สำหรับราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ถึง 160 บาท แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะรับเป็นแพกตามที่ลุงแพกเอาไว้แล้ว โดยราคาขายส่งอยู่ที่น้ำหนัก 80 กรัมขายแพกละ 18 บาท มากกว่าการซื้อเป็นกิโลกรัม และนำไปแพกเอง เพราะลุงได้ออกแบบซอง และตรายี่ห้อ “ลุงพร” เอาไว้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จัก และการันตีความอร่อยได้ ทำให้ลูกค้าซื้อในแบบมีตรายี่ห้อของลุงพรมากกว่า
ลุงพรเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการมาทำกะละแมว่า เกิดจากเมื่อปี 10 ปีก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลให้ชุมชนคิดทำสินค้าโอทอปออกมาขายแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรขาย จนกระทั่งได้ไปทำบุญที่วัด วันสงกรานต์ได้ชิมกะละแมที่คนรู้จักทำมาทำบุญ ชื่นชอบมาก เลยขอสูตรเขามา และมาทดลองทำขายร่วมกับชาวบ้านในชุมชน ก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กะละแมลุงพร
“ช่วง 2 ปีแรกที่ลุงทำขาย เหมือนกับกะละแมทั่วไป ก็ไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อปี 2547 เราตัดสินใจส่งเข้าคัดสรร คิดว่าจะทำกะละแมออกมาอย่างไรให้แตกต่างจากที่ขายทั่วไป ลุงได้เกิดไอเดียนำกะละแมมาทำเป็นมัดเหมือนข้าวต้มมัดเล็กๆ พอดีคำ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก เรียกว่าลุงเป็นรายแรกที่ทำกะละแมข้าวต้มมัด หลังจากนั้นมีรายอื่นๆ ทำตามออกมา แต่ของลุงจะมีเอกลักษณ์ มัดจะพอดีคำ ไม่เล็ก หรือใหญ่เกินไป”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีกะละแมข้าวต้มมัดออกมาเป็นจำนวนมาก แต่กะละแมของลุงพร ก็ยังคงรักษายอดขายได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนหนึ่งมาจากรสชาติ ที่ลุงได้ใช้เวลาในการปรับสูตรอยู่นานหลายปีกว่าจะลงตัวเหมือนอย่างทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะละแมลุงพร ทับหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม มีสมาชิกจำนวน 15 ราย สมาชิกมีรายได้จากเงินปันผลจำนวน 10% สมาชิกคนไหนที่มาร่วมทำงานก็จะมีค่าจ้างที่จ่ายให้แยกจากเงินปันผล
ลุงพรบอกว่า ปัจจุบันครอบครัวของลุงยึดอาชีพทำกะละแมขายเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับทางกลุ่มโอทอปของลุงก็ยังคงยึดทำกะละแมเพียงอย่างเดียว โดยไม่คิดจะเปลี่ยน แต่สิ่งที่ลุงยังคงทำตลอดมาคือ พัฒนารูปแบบกะละแมขนมไทยโบราณดั้งเดิมของคนไทยให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลอง และรักษาประเพณีการกวนกะละแมโบราณให้ยังคงอยู่คู่กับประเพณีไทยต่อไป
โทร. 08-1007-1777
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *