xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.ชี้ออเดอร์ต้นปี 57 หด 50% เซ่นชัตดาวน์กรุงเทพฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ชุมนุมมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ วัน Shut Down กรุงเทพฯ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยผู้ประกอบการกังวลชัตดาวน์กรุงเทพฯ ส่งผลยอดขายหด เหตุส่งมอบสินค้าล่าช้า ลูกค้าต่างชาติเลือกสั่งแหล่งอื่นแทน คาดออเดอร์สินค้าอุตสาหกรรมยอดขายหด 30-50% ในปีนี้

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความกังวลเรื่องสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะในวันนี้ (13 ม.ค.) ที่จะมีการเดินขบวนเพื่อปิดกรุงเทพฯ ซึ่งส่งผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการขนส่งที่ต้องล่าช้าออกไปหรือไม่ได้สินค้าตามที่ต้องการ ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้น ส.อ.ท.จึงร่วมหารือกับ 7 องค์กรเอกชน เช่น ส.อ.ท. หอการค้าไทย, สมาคมธนาคาร, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลกระทบชัตดาวน์กรุงเทพฯ วันที่ 13 มกราคม 2557 ทุกองค์กรเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และเตือนให้แต่ละองค์กรเตรียมแนวทางการปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ให้การดำเนินธุรกิจสะดุด รวมถึงภายใน 1-2 วันนี้ คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) และ 7 องค์กรภาคเอกชนจะเชิญทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ศาลรัฐธรรมนูญ เครือข่ายภาคสังคม และพรรคการเมืองต่างๆ หันหน้าเจรจากันเพื่อจะระดมความคิดเห็นหาทางออกของประเทศ

ทั้งนี้ ในแง่ภาคการผลิต คาดว่าหากเหตุการณ์ยืดเยื้อจะกระทบต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะสมาชิกใน ส.อ.ท. 42 กลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีผู้ประกอบการเกือบ 8,000 รายทั่วประเทศโดย 80-90% เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่อาจจะซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ได้ กรณีที่ออเดอร์หรือคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยถูกโยกไปประเทศเพื่อนบ้านแทน

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จากที่ทั่วประเทศมีผู้ประกอบการกลุ่มนี้ราว 2.9 ล้านราย เช่น โรงงานห้องแถวที่กระจายอยู่ทั่วไปจะได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการต้องวางแผนรับมือเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ตั้งแต่การขนส่งสินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบนำเข้าและส่งออก หากโรงงานใดอยู่ใกล้ทางแยกที่ปิดเพื่อเป็นศูนย์รวมผู้ชุมนุมก็ปรับแผนผลิตจาก 3 กะเป็น 1 กะ หรือวางแผนหยุดการผลิตชั่วคราว และหันไปเจรจากับโรงงานที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันที่ประกอบกิจการอยู่รอบนอกกรุงเทพฯ ทำการผลิตแทนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

ส่วนโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ระยอง ปทุมธานี นนทบุรี เป็นจำนวนมาก และมีตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกที่ต้องใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ กทม.เพื่อไปยังท่าเรือคลองเตย หรือท่าเรือแหลมฉบัง หรือสนามบิน หรือส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าภายในประเทศ ก็ยังอยู่ในข่ายสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ใช้เวลาเดินทางมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้นตามมา

ด้านนายจำรัส พานเพียรศิลป์ กรรมการสมาคมเครื่องจักรกลไทย ซึ่งมีสมาชิกกว่า 300 รายทั่วประเทศและเป็นเอสเอ็มอีทั้งหมด กล่าวว่า ดูจากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อในขณะนี้ ทำให้มั่นใจว่าจะกระทบต่อยอดขายของอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไทย ตลอดปี 2557 ที่สมาชิกในสมาคมทั้งหมดเป็นกลุ่มทุนไทย ที่มีแนวโน้มว่ายอดขายรวมจะหายไป 30% หรือเป็นมูลค่ายอดขายที่หายไปราว 5 พันล้านบาท

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น