ISMED เผยคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจ SMEs ที่จะมาแรงปีมะเมีย ได้แก่ ดิจิตอล-ออนไลน์ ค้าปลีกเฉพาะกลุ่ม ดูแลสุขภาพ แฟรนไชส์ และที่ปรึกษาธุรกิจ ระบุผู้ประกอบการควรหันกลับมาวินิจฉัยตัวเองเพื่อปรับตัวให้เหมาะสมต่อการแข่งขัน ชี้ปัจจัยเสี่ยงมาจากการเมืองป่วน และ ศก.ภายนอกซบเซา
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวกับผู้สื่อข่าว “SMEs ผู้จัดการออนไลน์” ว่า จากที่ ISMED ได้สอบถามและพูดคุยกับผู้ประกอบการ SMEs นำมาสู่คาดการณ์ธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ที่เชื่อว่ามีแนวโน้มจะเติบโตได้โดดเด่นในปี 2557 ประกอบด้วย
- ธุรกิจดิจิตอล และออนไลน์ เพราะวิถีชีวิตของคนไทยปัจจุบันมีพฤติกรรมใช้อุปกรณ์ดิจิตอลอย่างแพร่หลาย เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นต้น นับเป็นช่องทางการค้าใหม่ ทั้งของผู้บริโภคในการเลือกหาสินค้าได้สะดวกไม่ต้องเดินทาง รวมถึงเป็นช่องทางในการขายสินค้าของผู้ประกอบการผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น ขายค้าแบบโฮมดีลิเวอรี เปิดหน้าร้านผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ
- ธุรกิจค้าปลีกเฉพาะกลุ่ม หมายถึงการผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าตลาดเฉพาะเจาะจงจริงๆ (Niche market) สำหรับกลุ่มลูกค้าที่นิยมหรือชื่นชอบสินค้าประเภทนั้นจริงๆ เช่น กระเป๋าสำหรับคนขี่จักรยาน แฟชั่นเพื่อสตรีตั้งครรถ์ ฯลฯ ไม่ได้ทำผลิตสินค้าตามกระแสนิยม ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้เหมาะแก่การผลิตของเอสเอ็มอีที่เน้นทำสินค้าปริมาณน้อย ทว่าขายในมูลค่าสูง
- ธุรกิจดูแลสุขภาพ กระแสรักสุขภาพได้รับความนิยมต่อเนื่องมาสักระยะแล้ว และยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้ากลุ่มสุขภาพต่างๆ รวมถึงบริการเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมตามไปด้วย เช่น เครื่องสำอางสมุนไพร สปาสุขภาพ คลินิกดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ฯลฯ นอกจากนั้น ความใส่ใจยังขยายไปถึงกลุ่มดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงด้วย
- ธุรกิจแฟรนไชส์ กระแสคนรุ่นใหม่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการทำธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่ง่าย และค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้ ทั้งในมุมของเจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชซอร์) และผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชซี) มีแนวโน้มจะเติบโตได้ดี ส่วนประเภทแฟรนไชส์ที่คาดจะได้รับความนิยมยังคงเป็นกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม
- ธุรกิจที่ปรึกษามืออาชีพ ในกลุ่มนี้เจาะจงลูกค้าไปยังผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ดำเนินธุรกิจด้วยตัวเองมาสักระยะ มักต้องการที่ปรึกษาธุรกิจมืออาชีพเพื่อมาแนะนำจากมุมมองของคนภายนอก รวมถึงเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทันต่อการค้ายุคใหม่
นายสุวรรณชัยกล่าวด้วยว่า ในปี 2557 เชื่อว่าต้องเป็นปีที่เอสเอ็มอีให้ความสำคัญในการหันกลับมาวินิจฉัยตัวเอง ทั้งด้านจุดอ่อนและจุดแข็ง เพื่อปรับตัวและวางตำแหน่งของธุรกิจตัวเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้เหมาะสม
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่อยากให้เอสเอ็มอียึดปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจ นอกเหนือจากด้านพัฒนาสินค้าและบริการของตัวเองแล้ว คือ อยากให้เอสเอ็มอีให้ความสำคัญในการสร้างองค์กรให้เกิดความสุข ทำให้พนักงานในสังกัดเกิดความสุขและรักองค์กร เพราะเมื่อเกิดความสุขแล้ว ย่อมจะทำให้ประสิทธิภาพ และผลิตภาพการทำงานสูงขึ้นตามไปด้วย
ส่วนธุรกิจที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงสูงในปีหน้านั้นเป็นธุรกิจในกลุ่มที่มีอยู่จำนวนมาก และขาดการพัฒนา เช่น ร้านโชวห่วยโบราณ ร้านขายปลีกโทรศัพท์มือถือ การ์เมนต์ที่ขาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ เครื่องหนังแฟชั่นที่ยังเน้นใช้แรงงานราคาถูก เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากภาวะการเมืองไม่แน่นอน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น และปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่สืบเนื่องจากปีนี้ (2556) ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโดยรวมซบเซา การส่งออกชะลอตัว ค่าเงินบาทผันผวน และต้นทุนค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่ม ฯลฯ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *