ถ้าพูดถึงเมนูก๋วยเตี๋ยวซีฟู๊ด ชั่วโมง หลายคนก็คงจะต้องนึกถึง ร้านนี้ "อั๊ยย่ะ ซีฟู๊ด" เพราะก๋วยเตี๋ยวต้มยำซีฟู๊ด 1 ชาม จะเต็มไปด้วย อาหารทะเลเน้นๆ ชิ้นโต แบบที่เรียกว่า ชั่วโมงนี้ คงจะไม่ร้านไหน กล้าให้เกินร้านนี้
โดยในก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 1 ชามในราคา 399 บาท (การกินจำนวน 2-3 คน) จะได้ กุ้ง 6 ตัว หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ 4 ตัว ปลาหมึก 5 ชิ้น ปลา 6 ชิ้น และหอยหวาน 10 ตัว และมีเส้นให้เลือกตามชอบ เช่น บะหมี่ เส้นแก้ว มาม่า (จำนวน 6 ก้อน) หรือ ถ้าใครไม่ชอบเส้นจำพวกแป้ง ก็มีเส้นเห็ดออรินจิ และ เห็ดเข็มทอง เมนูนี้มีชื่อว่า อั๊ยยะแซบเว่อร์
นอกจากนี้ ทางร้าน บริการสำหรับคนที่ไม่ต้องการชามใหญ่ สำหรับกินคนเดียว ราคาเริ่มต้น 89 บาท เมนูต้มยำแห้ง 109 บาท ต้มยำน้ำข้น ซึ่งประกอบด้วยอาหารทะเลเหมือนกันทุกอย่าง แต่ลดปริมาณเหลือ 1 ส่วน อย่าง หอยนิวซีแลนด์ 1 ตัว กุ้ง 2 ตัว ปลาหมึก ปลา 2 ชิ้น หอยหวาน 2 ตัว บะหมี่ 1 ก้อน และมีเมนูพิเศษ เพิ่มปริมาณอาหารทะเลขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ขายในราคา 159บาท 179 บาท ตามลำดับ
แนะนำเมนูก๋วยเตี๋ยวของทางร้าน มาจนครบ แล้ว ทั้งนี้ ก็ต้องมาทำความรู้จัก กับเจ้าของร้าน เจ้าของไอเดีย ก๋วยเตี๋ยวซีฟู๊ด กัน “ภัทรวดี ว่องไวทวีวงศ์” เธอ และสามีได้คิดค้นสูตร ก๋วยเตี๋ยวต้มยำซีฟู๊ด ขึ้นมา พร้อมกับตั้งชื่อร้านว่า "อั๊ยย่ะ" ซึ่งถือได้ว่า เขาและเธอทั้งสองสามี เป็นคนรุ่นใหม่ ดังนั้น แน่นอน เมื่อทำอะไร ก็เลยไม่ต้องการจะให้เหมือนใคร และที่เธอกล้าลงทุน นำอาหารทะเลชิ้นโต มาใส่ลงในก๋วยเตี๋ยว แต่ละชาม ถ้ามองเรื่องของราคา สมน้ำ สมเนื้อ แต่ถ้ามองคนกิน และราคาขนาดนี้ เมื่อ สัก 1-2 ปีทีผ่านมา หลายคน มองว่า และใครจะกล้ากิน แต่ถ้าเป็นเวลานี้ กับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาอาหารที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกกับการกินก๋วยเตี๋ยวชามละหลักร้อยบาท และเมื่อมองกลับไปถึง อาหารทะเลที่ใส่มาในแต่ละชาม หลายคนก็คงจะยอมควักกระเป๋า ที่จะกินเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ของร้านอั๊ยย่ะ ซีฟู๊ด แห่งนี้
ภัทรวดี เล่าว่า ที่ตนเองเข้ามาทำร้านอั๊ยย่ะ เกิดขึ้นมาจาก เราทำธุรกิจอาหารทะเล ส่งภัตตาคาร และร้านอาหารอยู่แล้ว และเมื่อเรามีราคาวัตถุดิบที่ไม่ต้องผ่านคนกลาง เราก็น่าจะทำร้านอาหาร ซีฟู๊ด เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ นอกเหนือ จากธุรกิจขายส่งอาหารทะเล และที่เลือกทำร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะมองว่า ปัจจุบัน คนจะไปกินร้านอาหารซีฟู๊ด ก็ต้องมีเงินในกระเป๋าหลักพันบาท และร้านอาหารซีฟู๊ดทั่วไป ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านขนาดใหญ่ และเป็นลักษณะอาหารปิ้งย่าง พอเรามาทำร้านอั๊ยย่ะ ซีฟู๊ด ต้องการให้คนทั่วไป ที่ต้องการกินอาหารทะเลได้มีทางเลือก ไม่ต้องไปกินร้านอาหารซีฟู๊ดทั่วไป แต่มากินก๋วยเตี๋ยวปกติ ก็สามารถกินอาหารทะเล เหมือนกับร้านอาหารซีฟู๊ด
ส่วนร้านอั๊ยย่ะ ซีฟู๊ด เปิดให้บริการ 2 สาขา ที่ ถนนราชพฤกษ์ ช่วงนี้ปิดชั่วคราว เนื่องจาก ด้านหน้าร้าน มีการขยาย และทำถนน และสาขาที่สอง เมืองทองธานี ใกล้กับ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ถึง 21.00 น. ปัญหาของสาขาที่เมืองทอง เรื่องที่จอดรถ ซึ่งทางคุณภัทรวดี บอกกับเราว่า หน้าร้านจอดรถได้ทั้งหมด และฝั่งตรงข้ามสามารถจอดรถได้เช่นกัน บ้างครั้ง ลูกค้ามาแล้วไม่มีทีจอดรถ ทำให้เราเสียลูกค้ากลุ่มนี้ ไปค่อนข้างเยอะ ในอนาคตมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถ
ในส่วนของยอดขาย หลังจากเปิดให้บริการมาได้ประมาณ 5 เดือนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะสาขาที่ราชพฤกษ์ ที่ผ่านมา ส่วนเมืองทอง อยู่ในระดับที่ดี แต่ติดปัญหาเรื่องที่จอดรถ แต่ละวันยอดขายไม่สามารถคำนวณได้ว่าขายไปเท่าไหร่ เราจะเช็คเพียงว่า แต่ละวันใช้วัตถุดิบ อาหารทะเลต่อวันเท่าไหร่ ที่ผ่านมา ใช้อาหารทะเลประมาณ 30-40 กิโลกรัมต่อวัน
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว และหนุ่มสาวจะชวนกันมาเป็นคู่ เพราะมองว่า การมาเป็นกลุ่ม และสั่งชามใหญ่จะคุ้มกว่า มากินคนเดียว และแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารซีฟู๊ด จะได้ลูกค้ากลุ่มคนทำงานมากินตอนพักเที่ยง และ วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือ ถ้าเป็นตอนค่ำช่วงประมาณ 1 ทุ่ม ได้ลูกค้าที่มาเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง มาสังสรรค์
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า สาขาที่เมืองทอง ที่เราเลือกมาขาย ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้เสียเท่าไหร่ เพราะการเข่งขันของธุรกิจร้านอาหารในย่านนี้ มีสูงมาก ทำเลเมืองทอง เรียกว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า มีร้านอาหารเปิดให้บริการเยอะมาก ทำให้มีตัวเลือกให้ลูกค้าเยอะ เป็นเหตุผลให้ทำเลที่เมืองทองยอดขายไม่ดีเท่ากับสาขาราชพฤกษ์ เดิม
โทร. 08-3242-3789
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
