ผช.ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ไทยประเมินสถานการณ์การลงทุนของ SMEs พบว่า ดัชนีความเหมาะสมการลงทุนของ SMEs ต่ำสุดในรอบ 89 เดือน อยู่ที่ 70.4 เหตุปัจจัยมาจากผลกระทบต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งระบบ และการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภค สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ชี้ SMEs รอดูสถานการณ์ปี 2557 จากโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล 2.2 ล้านล้านบาท
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนด้านลอจิสติกส์ และต้นทุนด้านแรงงาน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อันสืบเนื่องมาจาก สินค้ามีราคาแพงขึ้น ทำให้คนหันมารัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่าย เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น เป็นเหตุผลทำให้การขายสินค้าของผู้ประกอบการ SME ลำบากมากขึ้น และทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ส่งผลให้สถานการณ์ในช่วงนี้ไม่มีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ SMEs ลงทุนทำธุรกิจเพิ่ม โดยเห็นได้จากดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจของ SMEs ในเดือน พ.ย. 2556 ที่อยู่ในระดับ 70.4 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 89 เดือนนับตั้งแต่มีการทำผลสำรวจในเดือน ก.ค. 2548 เป็นต้นมา
เนื่องจากผลกระทบจากต้นทุนการผลิตสูง เศรษฐกิจชะลอตัว และการขายสินค้าได้ลำบาก ส่งผลให้ SMEs ต้องมีการชะลอการลงทุนลงเพื่อรอโอกาสให้เศรษฐกิจฟื้นกลับคืนมาในปี’57 ที่หลายฝ่ายประเมินว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะดีขึ้นจากเดิม และจากการสำรวจของหอการค้าไทยที่ผ่านมาพบว่าภาคเอกชนระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ต้องรอโอกาสการฟื้นตัวเศรษฐกิจอีกครั้งแล้วค่อยมีการลงทุนขยายกิจการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าการผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลโดยเฉพาะการลงทุน 2 ล้านล้านบาท จะเป็นปัจจัยที่มีผลทำให้การลงทุนของภาคเอกชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากจะทำให้มีการตั้งบริษัทผู้รับเหมาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพื่อรับงานต่อๆ กันไป แต่หากไม่มีโครงการใหญ่ๆ ก็ไม่มีผลต่อการกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนมากนัก เพราะงบลงทุนทั่วไปตามปกติของรัฐบาลส่วนใหญ่ก็จะเป็นงบฯ ในการซ่อมแซมถนน ซ่อมแซมสถานที่ต่างๆ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
