ทุกวันนี้คุณประโยชน์ทางสารอาหารของ “จมูกข้าว” เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของคนทั่วไปอย่างดี ทว่า ความนิยมบริโภคส่วนมากอยู่เฉพาะกลุ่มผู้รักสุขภาพและกลุ่มผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ด้วยสมองและสองมือของกลุ่มสตรีอาสาพัฒนาเกษตรกรทุ่งสมอ นำจมูกข้าวมาแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว หรือ “สแน็ก” (snack) เพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น พร้อมปรับภาพลักษณ์ทันสมัย ภายใต้แบรนด์ “กุ๊กกิ๊ก” ช่วยให้จมูกข้าวสามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มเด็กเล็ก วัยรุ่น และคนรุ่นใหม่
ที่มาของสแน็กจมูกข้าว ‘กุ๊กกิ๊ก’ เกิดจากนำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมกับความรู้สมัยใหม่ บุกเบิกโดย “สนอง สอนใจ” เกษตรกรคนเก่ง ต.ทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ที่ยึดอาชีพทำนาปลูกข้าวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จน พ.ศ. 2543 รวมกลุ่มชาวบ้านเกษตรกรในท้องถิ่นประมาณ 20 คน ตั้งโรงสีเพื่อทำข้าวสารบรรจุถุงขายเอง แบรนด์ “ทุ่งสมอ” มีทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวมันปู และข้าวหอมนิล เป็นต้น
ทว่า การขายข้าวสารมีอุปสรรคหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องราคาตกต่ำ ทางกลุ่มฯ จึงริเริ่มแปรรูปเพิ่มมูลค่าข้าวควบคู่ไปด้วย โดยนำ “จมูกข้าว” ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการสีข้าวมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพแบรนด์ “รุ่งอรุณ” กลายเป็นจุดเปลี่ยนช่วยให้ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มแม่บ้านแห่งนี้ได้ผลตอบรับอย่างกว้างขวาง
“จากที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ อีกทั้ง สินค้าของเราได้รับคัดเลือกเป็นโอทอป 5 ดาว ทำให้เครื่องดื่มจมูกข้าวรุ่งอรุณมีผลตอบรับอย่างสูง ซึ่งเราได้พัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งสูตรจมูกข้าวหอมนิล จมูกข้าวหอมมะลิใบเตย จมูกข้าวหอมมะลิผสมงาดำ และจมูกข้าวกล้องงอก สามารถขายส่งไปตามร้านสินค้าเพื่อสุขภาพได้ทั่วประเทศ” สนองกล่าว
หลังจากรุ่นแม่เป็นผู้บุกเบิกแล้ว อีกปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจจากชุมชนเติบโตกว่าเดิม คือ เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว “จักรพันธ์ สอนใจ” ทายาทได้ก้าวเข้ามาช่วยสานต่อและต่อยอด
เขาเล่าว่าเข้ามาช่วยพัฒนา ทั้งออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามทันสมัย การผลิตได้มาตรฐาน อย. และ GMP รวมถึงนำจมูกข้าวมาพัฒนาแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ คือ จมูกข้าวอบกรอบ แบรนด์ “กุ๊กกิ๊ก” มีให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ รสต้นตำรับ รสสมุนไพร รสช็อกโกแลต รสงาขาวอบเนย และรสใบเตยงาดำ วางตำแหน่งเป็นสินค้าหมวดสแน็ก สามารถกินได้ง่ายทุกเพศ ทุกวัย อร่อยดีต่อสุขภาพ และยังเหมาะเป็นของฝากได้ด้วย
“หลังจากที่ผมมาช่วยงานของกลุ่ม ก็เห็นว่าสินค้าของเรากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนรักสุขภาพ และคนวัยทำงานถึงผู้สูงอายุ แต่ยังขาดกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ดังนั้นจึงได้ไปขอคำแนะนำและความรู้จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อแปรรูปจมูกข้าวเป็นสินค้า ready to eat แกะห่อกินได้ทันที ซึ่งเป็นตลาดที่กว้างเข้าไปถึงผู้บริโภคทุกระดับ ส่วนสาเหตุที่ใช้ชื่อว่า “กุ๊กกิ๊ก” เพื่อต้องการให้เป็นชื่อที่ฟังดูสบายๆ น่ารัก โดยเรามีสโลแกนว่า ‘กินแล้วอารมณ์ดี’ เพราะในจมูกข้าวมีสารอาหารที่กินแล้วช่วยนอนหลับสบาย ผ่อนคลายความเครียด” ทายาทธุรกิจระบุ และเล่าต่อว่า
วัตถุดิบทั้งหมดไม่ว่าจะข้าว หรือพืชชนิดอื่นๆ ที่นำมาใช้ประกอบจะปลูกและรับซื้อจากเกษตรกรใน ต.ทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี รวมถึงมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ซึ่งมีข้อดีคือ ช่วยควบคุมคุณภาพได้สม่ำเสมอ ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในชุมชน เพราะแรงงานที่ปัจจุบันมีเกือบ 114 คนล้วนเป็นชาว ต.ทุ่งสมอ แต่ละคนมีรายได้ดีเฉลี่ย 7,000 บาทต่อเดือน ไม่ต้องย้ายไปหางานทำในเมือง
ด้านช่องทางตลาด ส่งเข้าร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ และร้านสินค้าของฝากทั่วประเทศ รวมถึงออกงานแสดงสินค้าชุมชน ส่งทางไปรษณีย์ และขายเว็บไซต์ นอกจากนั้นส่งออกไปต่างประเทศด้วย เช่น ออสเตรเลีย ไต้หวัน และสิงคโปร์ เป็นต้น รายได้รวมของกลุ่มเมื่อปีที่แล้ว (2555) อยู่ที่ประมาณ 7 ล้านบาท ส่วนปีนี้ (2556) คาดว่าจะเพิ่มอีกประมาณ 15% หรือยอดขายรวมประมาณ 8 ล้านบาท
“แผนการตลาดของเราจะมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ จากข้าวอย่างต่อเนื่อง และขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าแนวโน้มการเติบโตยังไปได้ด้วยดีตามกระแสรักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ จ.กาญจนบุรี ที่เพิ่มทุกปี ก็จะทำให้สินค้าเราขายได้มากขึ้นด้วย” จักรพันธ์กล่าว
โทร. 0-3465-9231, 08-1745-8318 หรือ www.rungarunrice.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *