ส.อ.ท.ชี้ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐช่วยหนุนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี สำหรับนำไปเสริมสภาพคล่องและเสริมศักยภาพการแข่งขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือน พ.ค. 56 ปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนอยู่ที่ 94.3 หลัง กนง.ลดดอกเบี้ย
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการมากที่สุดในเวลานี้คือ การสนับสนุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ควรจะมีมาตรการผ่อนปรนให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อสำหรับนำไปเสริมสภาพคล่อง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ภาครัฐยังควรเร่งสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมือง รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน
ประธาน ส.อ.ท.เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 56 ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนอยู่ที่ 94.3 จาก 92.9 ในเดือนเมษายน โดยปัจจัยบวกมาจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลให้ผู้ประกอบการคลายความกังวลผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทและความผันผวนของค่าเงิน และมองว่าเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีวันทำงานมากกว่าเดือนเมษายนที่มีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ หากแยกตามขนาดของอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นทั้ง 3 กลุ่มเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การเมืองในประเทศ ความผันผวนของค่าเงินบาทที่กระทบต่อภาคส่งออกและนำเข้า แม้ว่าเงินบาทในช่วงนี้จะอ่อนค่าลง แต่เป็นการอ่อนค่าเร็วเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้
สำหรับคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 100.4 เพิ่มขึ้นจาก 99.1 ในเดือนเมษายน โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นมาจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวมที่เพิ่มขึ้น ทั้งยอดขาย ปริมาณการผลิต และผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนประกอบการก็สูงขึ้นตามไปด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *