xs
xsm
sm
md
lg

อุตฯ อาหารไทยเนื้อหอม ต่างชาติแห่ลงทุนใช้เป็นฐานส่งออกอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ส.อ.ท.เผยไทยเนื้อหอม ต่างชาติแห่ลงทุนธุรกิจอาหาร มั่นใจทำเลเหมาะสมอยู่ใจกลางอาเซียน ล่าสุดนักธุรกิจจากแดนปลาดิบลงทุนจริงจัง หลังอุตฯ อาหารซบเซาจากเหตุสึนามิ

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในอุตสาหกรรมอาหารจากหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้งจากเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมีการสอบถามเพื่อหาพันธมิตรธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยผ่าน ส.อ.ท. ทั้งจากญี่ปุ่น จีน อินเดีย สหรัฐฯ อาร์เจนตินา โปแลนด์ เป็นต้น

สำหรับสาเหตุที่กลุ่มอุตสาหกรรมจากหลายประเทศสนใจมาลงทุนในไทย เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่กลางภูมิภาคอาเซียนที่เศรษฐกิจมีการเติบโต โดยเฉพาะตั้งอยู่ติดประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นพม่า กัมพูชา หรือลาว ซึ่งปกติจะมีการบริโภคในประเทศสูง แต่ยังไม่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการขยายตัว ทำให้ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากไทย

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีการเข้ามาลงทุนชัดเจนแล้วคือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารในประเทศซบเซาหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อต้นปี 2554 ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกมาหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ โดยอาเซียนถือเป็นเป้าหมายของนักลงทุนญี่ปุ่น และไทยมีความได้เปรียบในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ฝีมือแรงงาน วัตถุดิบ พันธมิตรธุรกิจ สถานที่ตั้งอยู่ใกล้ประเทศที่กำลังเติบโต ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมอาหาร เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 (เดือน ม.ค.-เม.ย.) มีนักลงทุนต่างประเทศขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 747 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 5.10 แสนล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่มีการขอส่งเสริม 593 โครงการ เงินลงทุน 2.82 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่ขอรับการส่งเสริมนั้น พบว่าอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร ซึ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารมีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ 210 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 8.32 หมื่นล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการขอรับการส่งเสริมฯ 73 โครงการ รวมเงินลงทุน 2.29 หมื่นล้านบาท ตามด้วยบริการและสาธารณูปโภค 167 โครงการ เงินลงทุน 2.46 แสนล้านบาท ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 156 โครงการ เงินลงทุน 1.24 แสนล้านบาท

สำหรับประเทศที่มีผู้ประกอบการมาขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ ญี่ปุ่น ขอรับการส่งเสริมรวม 216 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.50 แสนล้านบาท สหรัฐฯ 28 โครงการ เงินลงทุน 4,600 ล้านบาท และยุโรป 49 โครงการ เงินลงทุน 1.36 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น