เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เดินหน้ากระแสตอบรับผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว เน้นย้ำ 4 ปัจจัยพื้นฐานผ่านกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาครองแชมป์อันดับหนึ่งของเครื่องดื่มโคล่าในตลาดโมเดิร์นเทรดกว่า 40% (ในเดือนเมษายน)
นายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเป๊ปซี่ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับถึงปริมาณความต้องการในตลาดอย่างล้นหลาม โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจผ่าน 4 ปัจจัยพื้นฐานหลัก คือ (1) ด้านการผลิต (2) ด้านการขาย การจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า (3) ด้านการสร้างแบรนด์ และ (4) ด้านการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั้งภายในบริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจ
โดยในด้านกำลังการผลิต “เป๊ปซี่” ได้ปรับแผนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเดินหน้าเร่งขยายกำลังการผลิตอย่างเต็มสูบ โดยได้เพิ่มไลน์การผลิตความเร็วสูงจาก 5 ไลน์ เป็น 8 ไลน์ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ดำเนินการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมในรูปแบบกระป๋อง โดยเริ่มเปิดตัวและวางจำหน่ายออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในช่วงเดือนพฤษภาคม และสำหรับไลน์การผลิตที่เหลือจะมุ่งเน้นดำเนินการผลิตขวดพลาสติก PET ในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน
บริษัทฯ ยังคงเน้นย้ำด้านการขาย การจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจระดับโลกอย่าง “ดีเอชแอล-DHL” ด้านลอจิสติกส์เพื่อบริการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ “เป๊ปซี่โค” จากโรงงานที่จังหวัดระยอง เพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางการขายต่างๆ ทั้งในส่วนของโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกและส่ง ที่ดำเนินการควบคู่กับบริษัทตัวแทนกระจายสินค้าในระดับท้องถิ่นทั้ง 29 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายจากที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้นมากกว่า 50%
นอกจากนี้ยังได้เร่งการลงทุนเพื่อเพิ่มยอดขายและความสามารถในการจัดจำหน่าย รวมทั้งการกระจายเพิ่มช่องทางการขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมตู้แช่เครื่องดื่ม “PEPSI VISI Cooler”
นายจา-กรูทกล่าวต่อว่า ยอดขายในกลุ่มตลาดโมเดิร์นเทรดเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจที่ “เป๊ปซี่” ได้ร่วมเซ็นสัญญาร่วมกับร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อดังหลายแห่งเพื่อวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟทั่วประเทศ เช่น ร้าน Wine I Love You, Chocolate Ville, ใบไม้ร่าเริง, แหลมเจริญ, Slim, Funky Villa รวมทั้งพันธมิตรล่าสุดอย่าง แดง แหนมเนือง จังหวัดหนองคาย, ผาลาดตะวันรอน จังหวัดเชียงใหม่, ป่าหลาย ซีฟู้ด จังหวัดภูเก็ต, ลุงไสวซีฟู้ด จังหวัดชลบุรี รวมทั้งกลุ่มธุรกิจชั้นนำอย่าง YUM! (เคเอฟซี และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี), กลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, กลุ่มศูนย์การค้าซีคอนสแควร์, เชสเตอร์กริลล์ และซานโตรินี่ เป็นต้น
“ด้านการสร้างแบรนด์ ช่วงที่ผ่านมา “เป๊ปซี่” ได้ให้ความสำคัญผ่านกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมการตลาด อาทิ “นาทีนี้ เป๊ปซี่เท่านั้น” และกิจกรรมทางดนตรีบิ๊กเมาน์เทน ครั้งที่ 4 ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งได้วางแผนเตรียมเพิ่มสีสันความสนุกกับแคมเปญที่สุดตื่นเต้นล่าสุดทั้งด้านกีฬาและมิวสิกภายในปีนี้" นายจา-กรูทกล่าวเพิ่มเติม
“เป๊ปซี่” ให้ความสำคัญด้านบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและโกลบอล โดยพบว่าสัดส่วนของตลาด Non-returnable ทั้งในส่วนของขวดพลาสติกและกระป๋องในปัจจุบันการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 71.9% ในขณะที่บรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้วได้รับการยอมรับลดลงเป็นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการเติบโตของบรรจุภัณฑ์แบบ Non-returnable ของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม (CSD) ทั้งในช่องทางโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกและส่ง นอกจากนี้ “เป๊ปซี่โค” ยังได้เปิดไลน์ธุรกิจกับผลิตภัณฑ์น้ำดื่มแบรนด์ใหม่ “อควาเวส”
“ในวันนี้เป๊ปซี่ครองแชมป์อันดับหนึ่งของกลุ่มเครื่องดื่มโคลาในกลุ่มตลาดโมเดิร์นเทรดได้สูงถึง 40% ทำให้ “เป๊ปซี่” มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายและรายได้เติบโตต่อเนื่องในทุกช่องทางจำหน่ายอย่างแน่นอน” นายจา-กรูทกล่าว