สสว.เล็งนำเงินจากกองทุนร่วมลงทุน ปรับมาใช้ช่วยเอสเอ็มอีปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการ 300 บาท พร้อมช่วยลดภาระเงินกู้ให้แก่เอสเอ็มอีที่ต้องพึ่งสถาบันการเงิน เตรียมเสนอ “นิวัฒน์ธำรง” ไฟเขียว ระบุยังไม่สามารถชี้ผลกระทบจากค่าแรงเพิ่มได้ ขอรอดูความชัดเจนในสิ้นปีนี้
น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาษ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในมติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท คือ ภาครัฐจะช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีในการปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนผลิต ดังนั้น ทาง สสว.เตรียมจะนำเงินจากกองทุนร่วมลงทุนของ สสว.มาปรับใช้เป็นกองทุนปรับปรุงเครื่องจักรให้แก่เอสเอ็มอี รวมถึงอีกส่วนจะนำเงินไปช่วยชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้แก่เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงเพิ่ม จนต้องใช้บริการสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวต้องนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นประธานเพื่อพิจารณาเห็นชอบอนุมัติไป
น.ส.วิมลกานต์กล่าวต่อว่า ผลกระทบของเอสเอ็มอีจากนโยบายค่าแรง 300 บาทในขณะนี้ ภาครวมยังไม่สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเอสเอ็มอีมีอยู่จำนวนมาก และหลากหลายสาขาธุรกิจ อีกทั้งบางครั้งการปิดกิจการอาจเป็นการปิดเพื่อไปขยายตลาดในแหล่งผลิตใหม่ ดังนั้น ต้องรอปลายปีจึงจะทราบแน่ชัดว่าเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด
สำหรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ออกมาบรรเทาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและเพิ่มขีดความสามารถของเอสเอ็มอีในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1. ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วน 100% ของเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยไม่จำกัดวงเงินให้เอสเอ็มอีใน 57 กิจการที่ต้องการขยายการลงทุน โดยเอสเอ็มอีที่สนใจให้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2556
2. ยกเว้นค่าบริการในการต่อใบอนุญาตและค่าบริการออกหนังสือรับรองสิทธิประโยชน์ทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2556-57 แก่เอสเอ็มอีในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้กำกับของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 3. ยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าบริการรายปีตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เป็นเวลา 3 ปี หรือ 1 ต.ค. 2556 - 30 ก.ย. 2559
และ 4. โครงการเงินร่วมทุนเพื่อพัฒนาเครื่องจักร โดยร่วมทุนกับเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบในสัดส่วน 15-35% ของทุนจดทะเบียน รายละไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลาร่วมทุน 5 ปี จำนวนไม่น้อยกว่า 200 ราย โดยใช้งบประมาณจากกองทุนร่วมทุนเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทยที่มีเงินอยู่แล้ว 1,000 ล้านบาท
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
