xs
xsm
sm
md
lg

“เอสเอ็มอีแบงก์” เฮ! ก.คลังเตรียมเพิ่มทุน 2.5 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนริศ ชัยสูตร
ก.คลังไฟเขียวแผนฟื้นฟูเอสเอ็มอีแบงก์ เตรียมเร่งหาหัวเรือใหม่ภายในเดือน เม.ย.นี้ พร้อมตั้งอนุ กก. 3 ชุดติดตามรายงานผลทุกสัปดาห์ แหล่งข่าวเผย รัฐบาลเตรียมเพิ่มทุนให้ 2,500 ล้านบาท และปรับกฎปล่อยสินเชื่อเฉพาะรายย่อยป้องกันความเสียหาย

นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า แผนฟื้นฟูของเอสเอ็มอีแบงก์ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว โดยหลังจากนี้จะเร่งกระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ให้ได้ภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้เข้ามาสานต่อการดำเนินงานของธนาคารให้เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้

ท้งนี้ กระทรวงการคลังได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูเอสเอ็มอีแบงก์ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอีก3 ชุดเพื่อกำกับและติดตามการดำเนินงานตามแผนและรายงานต่อนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทุกสัปดาห์ ประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการวางแผนทางการเงิน 2. คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการพัฒนาคุณภาพสินเชื่อและการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และ 3. คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการปรับโครงสร้าง และกระบวนการบริหารจัดการองค์กร

สำหรับก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้กำหนดกรอบการจัดทำแผนฟื้นฟู แบ่งเป็นแผนฟื้นฟูระยะ 6 เดือน ซึ่งจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาหนี้เอ็นพีแอล รวมถึงหนี้ตามเกณฑ์คุณภาพ และการกำหนดมาตรการในการติดตามหนี้ที่เกิดจากการให้สินเชื่อที่ปล่อยใหม่ด้วย นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโครงสร้างระยะเวลา 3 ปี โดยให้พิจารณาระบบการบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน ตั้งแต่ระบบการปล่อยสินเชื่อ ระบบการกำกับติดตามลูกหนี้ รวมถึงระบบการบริหารงานต่างๆ เช่น การบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยี และการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดรับกับภารกิจให้มากขึ้น

อีกทั้งทางผู้บริหารเอสเอ็มอีแบงก์ยืนยันว่าจะปรับปรุงกระบวนการอำนวยสินเชื่อให้มีความรัดกุม เพื่อให้มั่นใจว่าสินเชื่อที่ปล่อยใหม่เป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งเพิ่มการติดตามสินเชื่อหลังอนุมัติอย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น มีแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบแผนฟื้นฟู (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ตามแผนฟื้นฟูทั้ง 2 ธนาคารจะต้องทำการลดหนี้เสียให้ได้อย่างรวดเร็ว โดยในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์มีหนี้เสียอยู่ประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือ 40% ของหนี้ทั้งหมด มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ติดลบ 0.95% ขณะที่ไอแบงก์มีหนี้เสียอยู่ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท หรือ 22.5% ของหนี้ทั้งหมด เงินกองทุน BIS อยู่ที่ 4.6%

แหล่งข่าวเผยว่า แผนฟื้นฟูกระทรวงการคลังจะทำการเพิ่มทุนให้ทั้ง 2 ธนาคาร จากงบประมาณปี 2556 ที่ตั้งไว้ราว 500 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะต้องฟื้นฟูกิจการให้เงินกองทุนกลับขึ้นมาอยู่ไม่ต่ำกว่า 8.5% ตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงจะได้กลับมาทำธุรกรรมได้เต็มที่ตามปกติ โดยขณะนี้ได้จำกัดการปล่อยสินเชื่อให้รายใหญ่แต่ปล่อยสินเชื่อให้รายย่อยไม่เกินรายละ 15 ล้านบาทเท่านั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนให้ทั้ง 2 ธนาคารอีกครั้งในปีงบประมาณ 2557 โดยจะให้เอสเอ็มแบงก์ได้เงินเพิ่มทุนทั้งหมดราว 2,500 ล้านบาทจากที่ขอมาทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท และไอแบงก์จะได้เงินเพิ่มทุนราว 6,000 ล้านบาทจากที่ขอมา 1.4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของไอแบงก์นั้นกระทรวงการคลังจะใส่เงินเพิ่มทุนให้ประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นรายอื่น เช่น ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย รวมเบ็ดเสร็จแล้วเป็นเงินที่กระทรวงการคลังจะต้องใส่เข้าไปจริงประมาณ 5,500 ล้านบาท

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
กำลังโหลดความคิดเห็น