คลังเดินเครื่องผ่อนปรนกฎเหล็กคุมแบงก์รัฐ หวังปรับบทบาทเพิ่มประสิทธิภาพปล่อยกู้ สร้างรายได้เข้ารัฐเพิ่ม มี.ค.นี้ จับตาเอ็มดีเอสเอ็มอีแบงก์คนใหม่ ระบุ 2 รองฯ ลงแข่งชิงเก้าอี้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า แผนการปรับบทบาทและเพิ่มประสิทธิภาพสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐนั้น ขณะนี้ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระคัญ 3 ส่วน คือ การวางบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแต่ละแห่งให้มีความชัดเจน การปรับการกำกับดูแลให้การทำงานของแต่ละแห่งมีความสอดคล้องกับการดำเนินการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ๆ และ การเพิ่มช่องทางให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในการกำหนดบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแต่ละแห่งนั้น จะเน้นเรื่องการปล่อยสินเชื่อให้กับฐานราก ทั้งบุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยมากขึ้น
สำหรับการปรับการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ผ่านคลัง ได้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรวจสอบดูแล โดย ธปท. ได้ใช้เกณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีแนวทางการทำงานที่ไม่ได้หวังผลกำไรเหมือนธนาคารพาณิชย์ ทำให้ผลประกอบการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในช่วงที่ผ่านมาหลายแห่งมีปัญหาเมื่อ ธปท. เข้าไปตรวจสอบ
“กระทรวงการคลังจะปรับการกำกับดูแลและตรวจสอบสถาบันการเงินของรัฐใหม่ โดยให้ ธปท. เป็นผู้ตรวจสอบให้เหมือนเดิม แต่จะมีการขอให้ใช้มาตรการฐานที่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง เช่น เงินกองทุนขั้นต่ำที่มาตรฐานกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 8.5 เท่า ในส่วนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐก็อาจจะขอให้ต่ำกว่า 8.5 เท่าก็ได้ หรือ การสำรองเงินสงสัยหนี้สูญอาจจะไม่ต้องสำรองทั้งหมด ให้สำรองเป็นบางส่วน ซึ่ง สศค. อยู่ระหว่างกำหนดตัวเลขที่ชัดเจน จะทำให้การดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีความคล่องตัวมากขึ้น”
ทั้งนี้ การดำเนินการผ่อนปรนการกำกับดูแล ไม่ได้ทำให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเกิดความอ่อนแอ หรือ มีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น แต่จะทำให้การทำงานมีความชัดเจนและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยให้สามารถขยายสินเชื่อได้มากขึ้นและมีรายได้เข้ามาเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับการใช้ทรัพยากรร่วมกันนั้น สศค. ต้องการให้มีการช่วยเหลือด้านเงินทุนมากขึ้น โดยจะให้ธนาคารออมสินเป็นผู้ระดมทุนดอกเบี้ยต่ำปล่อยกู้ให้กับธนาคารของรัฐแห่งอื่นๆ เพื่อไปปล่อยกู้ต่อ เพราะที่ผ่านมา สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐดังกล่าวต้องไประดมเงินกู้ในตลาดในอัตราดอกเบี้ยสูง และต้องไปปล่อยกู้ลูกค้าในอัตราที่ดอกเบี้ยสูงเช่นกัน ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า นายพงษ์ศักดิ์ ชาเจียมเจน รองกรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ ได้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากต้องการไปลงสมัครคัดเลือกตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของธนาคาร ที่เปิดรับสมัครอยู่จนถึงวันที่ 16 ก.พ. 2556
ทั้งนี้ คณะกรรมการธนาคารจึงได้แต่งตั้ง นางสาวปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ เป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการคนใหม่ โดยก่อนหน้านี้จะให้ นายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ เข้ามาดำรงตำแหน่งรักษากรรมการผู้จัดการ แต่ได้รับการยืนยันว่าต้องการสมัครในตำแหน่งนี้เช่นกัน โดยคาดว่าในช่วงเดือน มี.ค.2556 น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของธนาคาร