Idea 360 จัดเต็ม งัดเครื่องมือวิจัยล้วงจิตใต้สำนึกลูกค้า ปลดล็อกความต้องการอย่างแท้จริง องค์กรชั้นนำไว้ใจหลังพบได้ผลจริงคุ้มราคา
ไอเดีย 360 จัดเต็ม งัดกลยุทธ์มัดใจกลุ่มลูกค้าให้ต้องเหลียวมอง และไม่พลาดตัดสินใจซื้อ ด้วยผลวิจัยแบบเจาะลึกเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึก ที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกโดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัว ให้ผลแม่นยำแบบ real time ชูความได้เปรียบตัวแทนทำตลาดแถบเอเชียรายแรกและรายเดียว ชิมลางในไทยเพียง 3 ปีลูกค้ารายใหญ่ระดับประเทศกว่า 60 รายให้ความไว้วางใจ
นายธภัทร ยุวบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเดีย 360 จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของโลกธุรกิจในปัจจุบันที่ผู้ประกอบการทุกรายต่างมุ่งหวังให้ธุรกิจและแบรนด์ของตนเป็นที่จดจำของผู้บริโภค และมีการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในที่สุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นคือเป้าหมายหลัก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายองค์กรต่างอาศัยเครื่องมือต่างๆ เพื่อเข้าใจความต้องการผู้บริโภค เช่น การทำวิจัย การทำผลสำรวจต่างๆ และนำผลลัพธ์มาประมวลผลเพื่อกำหนดกลยุทธ์แผนการตลาดต่อไป แต่บางครั้งผลที่ได้กลับไม่ตรงความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่ได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก เน้นศึกษาเพียงเหตุผล ทัศนคติ และพฤติกรรมผู้บริโภคเพียงผิวเผินเท่านั้น ซึ่งผู้บริโภคมักจะใช้เหตุผลในการตอบ ทั้งที่ในความเป็นจริงร้อยละ 95 เป็นการตัดสินใจที่มาจากความคิด ความเชื่อ จากจิตใต้สำนึกโดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านสภาพแวดล้อมและประสาทสัมผัสทั้ง 5 (สัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง) ทำให้หลายครั้งผู้บริโภคเองก็ไม่สามารถสื่อความต้องการของตนออกมาได้อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงต้องมีเครื่องมือในการวัดผลอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อล้วงลึกไปถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค
Idea 360 เป็นบริษัทวิจัยและสร้างแบรนด์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ใช้หลักจิตวิทยา Psychophysics และเทคโนโลยี MindGenomics เพื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงของผู้บริโภค ในปี 2007 Idea 360 ได้ร่วมกับหนึ่งในนักวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก Dr. Howard Moskowitz ในความร่วมมือของ Wharton Business School (University of Pennsylvania) มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก สหรัฐอเมริกา เพื่อใช้หลัก MindGenomics (การศึกษาประเภทของความคิดและการตอบสนองของมนุษย์) วิธีการของเครื่องมือวิจัยนี้สามารถศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าและวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อบรรลุยอดขายและผลกำไรสูงสุด
เนื่องจากผู้บริโภคไม่สามารถบอกได้เสมอว่าแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการอะไร เทคนิคของ Idea 360 จึงพุ่งเป้าไปที่ 95% ของพฤติกรรมและแนวคิดที่ควบคุมและมีบทบาทต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภค ซึ่งงานวิจัยแบบธรรมดามองข้ามไป โดย MindGenomics จะสามารถช่วยปลดล็อกสิ่งสำคัญที่เรายังไม่รู้ ทำให้ผู้วิจัยสามารถอ่านความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เครื่องมือดังกล่าวจะใช้ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพควบคู่กันไป ผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ใช้หลักการของหลากหลายศาสตร์ ควบคู่กับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่งผลให้เกิดความแม่นยำและรวดเร็วในการประมวลผล สามารถส่งผลลัพธ์ให้แก่ลูกค้าได้ทันทีเพื่อนำไปวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดต่อไป
สำหรับการวิจัยแบบใหม่นี้ แม้จะเป็นเครื่องมือที่ใหม่สำหรับคนไทย แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และแถบยุโรปมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนการตลาดได้อย่างคุ้มค่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมารูปแบบการวิจัยของ Idea 360 ได้รับการตอบรับอย่างดี จากองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น P&G USA, Unilever USA, Coke USA, Pepsi USA, Heineken USA, L’Oreal USA, MQDC, CPF, Pulzar, Bangchak, SCBAM, TMB, ThaiBev, DKSH, TOA, HomePro, Johnson&Johnson, Phyathai Hospital และโรงพยาบาลอื่นๆ ในเครือ
“การใช้เครื่องมือวิจัยของเราเป็นการรวมเอาหลายศาสตร์มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Neuromarketing (การตลาดประสาทวิทยา), IdeaMap, StyleMap, ChoiceMap, AddressableMind, Life360 และ Brand 360 ฯลฯ เพื่อดึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าออกมา ถือเป็นการทำวิจัยที่ทันสมัยและได้ผลคุ้มค่าที่สุด ณ เวลานี้ เห็นได้จากการที่ลูกค้าที่เคยทำวิจัยกับเราล้วนพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้ลูกค้าหลายรายทำวิจัยในโปรเจกต์ต่อๆ ไปของเขากับเราอย่างต่อเนื่อง” นายธภัทรกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยนั้นจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของวัตถุประสงค์การวิจัย เป็นต้นว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการจะทราบ กลุ่มตัวอย่างที่ต้องการศึกษานั้นเข้าถึงได้ยากหรือไม่ หรือต้องการข้อมูลลงลึกในรายละเอียดมากน้อยเพียงใด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องระยะเวลาในการทราบผลวิจัยนั้น จะใช้เวลาน้อยมาก เนื่องจากบริษัทฯ มีทีมงานลงพื้นที่จริงกว่า 300 คนที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพื่อให้เข้าใจแบบสอบถาม ในขณะที่เครื่องมือทำการวิจัยจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น iPad, Android, Notebook หรือ PC ทั่วไป ที่มีโปรแกรมสำหรับประมวลผลได้ทันที สามารถรายงานผลได้แบบนาทีต่อนาที
นายธภัทรกล่าวทิ้งท้ายว่า การวิจัยการตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อทั้งบริษัทใหญ่และเล็กของไทยหรือต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยแนวใหม่ที่สามารถเจาะลึกสู่จิตใต้สำนึกเพื่อเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค และการที่ภูมิภาคของเราจะรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในเวลาอันใกล้นี้ หากประเทศไทยเริ่มเห็นความสำคัญและลงมือดำเนินการก่อนย่อมได้เปรียบอย่างแน่นอน ซึ่งนายธภัทรพร้อมสนับสนุนและมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการทำวิจัยการตลาดในภูมิภาคอีกด้วย
