“กินยัง” แฮมเบอร์เกอร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ กับชื่อกวนๆ แต่จำง่ายกับ “กินยัง แฮมเบอร์เกอร์” สร้างความต่างด้วยวัตถุดิบคุณภาพ รสชาติเข้มข้น ในราคาย่อมเยา แถมสร้างอาชีพให้คนทุนน้อยรับไปทำขาย หากไม่หมดยินดีรับคืน หวังเจาะตลาดระดับกลางที่ยังขาดแฮมเบอร์เกอร์คุณภาพ
จากพนักงานประจำในสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของ “นายปกรณ์กิตติ์ รังสิยานนท์” ที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 10 ปี ตัดสินใจลาออกหวังเป็นเจ้านายตัวเอง เริ่มต้นธุรกิจอาหารขนาดเล็กๆ อย่างร้านสเต๊ก ก๋วยเตี๋ยว และแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเมนูอย่างหลังคิดจะทำเล่นๆ หวังเป็นเมนูเสริมเท่านั้น แต่ทว่ากลับกลายเป็นรายได้หลัก จึงคิดทำเป็นธุรกิจจริงจังเมื่อพบว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมาก
“ด้วยความที่เราชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม ดังนั้นเมื่อลาออกจากงานประจำที่เคยทำงานในสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมากว่า 10 ปี จึงหนีไม่พ้นการทำอาหารขาย สุดท้ายมาลงตัวที่แฮมเบอร์เกอร์ ที่เราเห็นโอกาสเติบโตได้ ประกอบกับเมื่อสำรวจตลาดนี้อย่างจริงจังก็พบว่ายังไม่มีผู้ประกอบการที่ทำแฮมเบอร์เกอร์ขายราคา 25 บาทในตลาดระดับกลางที่เน้นคุณภาพวัตถุดิบ รวมถึงสร้างแบรนด์และต่อยอดเป็นธุรกิจขนาดเล็กให้ผู้มีเงินทุนน้อยสร้างอาชีพได้ จึงเริ่มกรุยทางธุรกิจนี้อย่างจริงจังเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา”
แม้รสชาติเดิมที่ปกรณ์กิตติ์คิดและปรับปรุงสูตรมาตลอดจะถูกปากลูกค้า แต่ตนต้องการให้รสชาติดีขึ้น จึงนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง คือ “นายบัญชร จันทร์สุวรรณ” ที่จบมาทางด้านคหกรรมศาสตร์ หวังให้ช่วยสานต่อด้านเทคโนโลยีการถนอมอาหารให้อยู่ได้นานขึ้นเพื่อแตกไลน์ให้ผู้สนใจรับไปจำหน่ายต่อไป
ซึ่งบัญชรเล่าว่า ตนใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทางด้านอาหารและเบเกอรีกว่า 10 ปี จากสถาบันสอนทำอาหารแห่งหนึ่งมาปรับปรุง “กินยัง แฮมเบอร์เกอร์” แต่ก็ไม่ได้ปรับปรุงอะไรมากนักโดยเฉพาะไส้หมูสับที่ขายดีอยู่แล้ว แต่จะช่วยคิดเพิ่มไส้อื่นๆ มากกว่า ได้แก่ ไก่พริกไทยดำ และไก่ทัชมาฮาล (ไก่ผัดผงกะหรี่) เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าและเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ส่วนในเรื่องขนมปัง ก็จะทำขึ้นเองทั้งหมด จากเดิมที่สั่งซื้อจากเจ้าอื่น โดยขนมปังที่อบเองนั้นจะมีความเหนียวนุ่ม และความหอมเฉพาะตัวเหมาะสำหรับนำไปทำแฮมเบอร์เกอร์
“กินยัง แฮมเบอร์เกอร์ ถือเป็นเบอร์เกอร์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่าง จากราคาที่ไม่สูงเกินไปนักเริ่มต้นเพียงชิ้นละ 25 บาท (ขึ้นอยู่กับลูกค้าจะนำไปใส่วัตถุดิบเพิ่ม) เท่านั้น แต่วัตถุดิบที่ใช้เกรดเอทั้งหมด อย่างเนื้อหมู และไก่สั่งซื้อจากซีพีโดยตรงเพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องปัญหาเชื้อโรคที่มากับสัตว์ โดยเราเจาะตลาดครั้งแรก คือร้านอาหารตามโรงเรียน ให้มีการทดลองชิม พร้อมเสนอขายด้วยเงื่อนไขพิเศษสุด คือ หากขายไม่หมดยินดีรับคืน เบื้องต้นจัดส่งขายตามโรงเรียนในเขตลาดพร้าวก่อน”
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะเป็นผู้ผลิตแฮมเบอร์เกอร์เป็นหลัก เพราะมีความเชี่ยวชาญมากกว่าการลงพื้นที่จำหน่ายสินค้าเอง จึงเกิดไอเดียขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ลงทุนต่ำเพียง 15,000 บาท โดยลูกค้าจะได้รับคีออสก์ที่มีป้ายชื่อร้าน โลโก้ กระดาษห่อ สายคาด ถุงพลาสติก เชือกสำหรับทำเป็นที่หิ้ว เตาย่างไส้แฮมเบอร์เกอร์ และแฮมเบอร์เกอร์พร้อมขายอีก 100 ชิ้น เน้นทำเลตามโรงเรียน สนามกีฬา และมหาวิทยาลัยเป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นเด็กประถมกว่า 70% และมัธยมต้น หรือผู้ที่ไม่มีเงินทุนหลักหมื่น ทาง “กินยัง แฮมเบอร์เกอร์” ก็ยินดีขายสินค้าเพื่อนำไปขายก่อนได้ตามกำลังทรัพย์ที่มี ในราคาขายส่งที่ชิ้นละ 20 บาท โดยล่าสุดมีลูกค้าจากจังหวัดกระบี่ก็สั่งไปจำหน่ายเช่นกัน
ส่วนกรรมวิธีหรือขั้นตอนการทำแฮมเบอร์เกอร์ “กินยัง” นั้นแสนง่าย เพราะไส้ทุกตัวจะปรุงสุกและแช่แข็งมาแล้ว หากลูกค้าสั่ง ก็เพียงนำไส้ออกมาไว้ที่อุณหภูมิห้องสักครู่ และนำเข้าเตาไมโครเวฟเพียง 30 วินาทีก็พร้อมรับประทานได้ทันที และหากลูกค้าต้องการเพิ่มราคาและคุณค่าให้แก่สินค้าของตนก็สามารถนำผักต่างๆ, ชีส มาใส่เพิ่มได้
“ปัจจุบัน 'กินยัง แฮมเบอร์เกอร์' มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 500 ชิ้น/วัน ตั้งเป้าในอนาคตจะต้องมีกำลังการผลิต 10,000 ชิ้น/วันให้ได้ พร้อมเพิ่มไส้ปลาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ารักสุขภาพ และเนื่องจากแฮมเบอร์เกอร์เป็นสินค้าที่ผู้คนรู้จักดี รับประทานในช่วงเวลาเร่งด่วนได้สะดวก ดังนั้นหากสินค้ามีรสชาติก็จะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก กระจายสินค้าไปทั่วประเทศโดยไม่ยากนัก” เจ้าของกินยัง แฮมเบอร์เกอร์กล่าวทิ้งท้าย
***สนใจติดต่อ 08-4148-3959, 08-1100-1853, 0-2940-3570 หรือที่ www.kinyangfood.com***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *