กลับมาแล้วครับ นายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการเดินทางไปเยือนอินเดียแล้วเลยไปประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส สมาพันธ์รัฐสวิตเซอร์แลนด์
ทันทีที่ถึงสนามบินดอนเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านที่คอยจับผิดและจ้องโจมตีเธอว่า การเดินทางไปประชุมครั้งนี้ไม่ได้ไปโชว์วิชัน แต่ไปโชว์แฟชั่นเท่านั้น ว่าต้องขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง เพราะการเดินทางไปครั้งนี้ตนติดภารกิจที่อินเดีย 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมเศรษฐกิจโลก ซึ่งเรามาอยู่ในช่วงของการประชุมไปแล้ว และช่วงนั้นมีการประชุมเรื่องผู้หญิงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า และได้ร่วมเสวนาหารือถึงการรับมือปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการจัดงานไทยแลนด์ไนท์ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีนักธุรกิจและผู้นำมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
“ดิฉันขออนุญาตชี้แจงเพียงเท่านี้ เพราะเชื่อว่าผู้ที่ติดตามอยู่คงให้ความเป็นธรรมว่าดิฉันไปทำงานตลอดเวลา ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงถึงการเดินทางไปอินเดียของนายกรัฐมนตรีว่า ได้รับความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และมาตรการฟื้นฟูประเทศหลังประสบอุทกภัย ประเทศไทยกับอินเดียมีข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศด้านการค้ามาตั้งแต่ปี 2546 โดยมีชนิดของสินค้าที่ทำการตกลงกัน 5,000 รายการ มี 82 รายการที่สมบูรณ์ และได้ตกลงเพิ่มอีก 1 รายการคือ ตู้เย็น 2 ประตู
ตั้งเป้าว่าปี 2557 การค้าการลงทุนจากอินเดียจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว
นอกจากนี้มีข้อตกลงด้านทหาร ความมั่นคง รวมถึงการเมือง วัฒนธรรม และการศึกษา
ส่วนการเดินทางไปประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส โฆษกรัฐบาลแถลงว่า มีเสียงตอบรับจากผู้นำธุรกิจต่างชาติโดยการยืนยันการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งความพร้อมด้านการลงทุนทุกด้าน
“ผู้นำทุกประเทศทั่วโลกสนใจและให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยเพิ่มขึ้น” นางสาวฐิติมา ฉายแสง ยืนยัน
เห็นไหมละครับ?
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านก็เกินไป จ้องแต่ที่จะจับผิดนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง ทุกประเด็น อย่างกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปอินเดีย ไปดาวอส สวิตเซอร์แลนด์หนนี้ ที่ว่าไปแสดงแฟชั่นมากกว่าไปโชว์วิสัยทัศน์ ความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ควรที่จะชื่นชมนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไปแสดงแฟชั่น ซึ่งคือจุดเด่นของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ที่สวย หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่งตัวทันสมัยก็ต้องแสดงสิ่งที่ดีที่เด่นนี้ออกมา ไปอินเดียก็ถ่ายรูปที่หน้าทัชมาฮาล บางคนบอกว่า ทำตัวเหมือนกับนักท่องเที่ยวไม่ใช่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจ นี่ก็น่าจะมองว่า เห็นไหมเล่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทำตัวเหมือนคนธรรมดา ซึ่งหาได้ยากมาก
โลกนี้อาจจะเพิ่งมีให้เห็น แม้กระทั่งบนเวทีอภิปรายยังสวมทอปบูตประหนึ่งเพิ่งจะลุยน้ำไปจากดอนเมืองให้คนทั้งโลกเห็นว่าเพิ่งจะผ่านอุทกภัยยังไงยังงั้น
ถ้าหากเอาวิสัยทัศน์ไปโชว์นั่นสิ จึงควรที่จะตำหนินายกรัฐมนตรี
แค่ที่ไปพูดบนเวทีด้วยมาดที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างที่ผู้กำกับการแสดง ผู้บอกบทให้นางสาวยิ่งลักษณ์แสดงมาตั้งแต่วันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมาจนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรีทุกวันนี้ ให้คนไทยทั้งหลายที่เฝ้าติดตามข่าวก็ต้องแขม่วท้องแทนแทบจะแย่อยู่แล้วด้วยเป็นห่วงว่า ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงจะดูถูกประเทศไทย ดูถูกคนไทยที่ช่างรู้จักเลือกนายกรัฐมนตรี
พรรคประชาธิปัตย์จะให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดภาษาอังกฤษคล่อง ถูกต้องตามไวยากรณ์อย่างที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นักเรียนอังกฤษ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ เอาแค่ที่เธอกล้าพูดผิดๆ ถูกๆ ด้วยความเชื่อมั่นนี่ก็หายากแล้ว เพราะเธอไม่ได้เป็นนักเรียนอังกฤษมาตั้งแต่เด็กอย่างนายอภิสิทธิ์
เอาว่า นายกรัฐมนตรีมีความกล้าหาญ มีความมั่นใจสูงอย่างที่ได้แสดงให้คนไทยทั้งหลายเห็น นี่ก็น่าจะพอแล้ว
ก็เห็นกันมาแล้วมิใช่หรือว่า หญ้าแพรกเธอก็เรียก หญ้าแฝก สิงห์บุรีก็เป็นเมืองมีทะเลเพราะเธอบอกว่า จะเอาหินไปถมทะเลที่นั่น ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็สระบุรีมิใช่สระแก้ว
คำพูดผิดๆ ถูกๆ ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนคนไทยทั้งหลายต้องถือเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เพราะนอกจากความไม่ฉลาดหลักแหลม ไม่มีความรู้รอบตัวแล้ว ก็ยังมองเห็นความผิดอย่างอื่นของเธอไม่ได้เลย
หรือถ้าหากเธอจะย้อนถามพรรคประชาธิปัตย์อย่างเจ็บๆ ว่า “นอกจากโง่แล้ว ฉันมีความผิดตรงไหนหรือ?” พรรคประชาธิปัตย์จะว่ายังไง
เพราะฉะนั้น เลิกจับผิดได้แล้วที่เธอไม่ค่อยจะเข้าประชุมสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าร่วมประชุมเพื่อที่จะตอบกระทู้สดของพรรคคฝ่ายค้าน มันเหมือนกินยาขมหม้อใหญ่ให้ไปทำอย่างอื่นยังจะง่ายเสียกว่า เป็นต้น สวมชุดนักบินเดินตรวจแถวทหาร ตำรวจที่มาแสดงความเคารพนบนอบในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ประกาศตัวลงสมัครับเลือกตั้งไม่กี่วันก็ได้รับเลือกไม่ต้องเดินทางเป็นพันๆ กิโลเมตร ไม่ต้องสั่งสมบารมี หัวหงอกหัวดำก็ยอมสยบ
ทันทีที่ถึงสนามบินดอนเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านที่คอยจับผิดและจ้องโจมตีเธอว่า การเดินทางไปประชุมครั้งนี้ไม่ได้ไปโชว์วิชัน แต่ไปโชว์แฟชั่นเท่านั้น ว่าต้องขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง เพราะการเดินทางไปครั้งนี้ตนติดภารกิจที่อินเดีย 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมเศรษฐกิจโลก ซึ่งเรามาอยู่ในช่วงของการประชุมไปแล้ว และช่วงนั้นมีการประชุมเรื่องผู้หญิงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า และได้ร่วมเสวนาหารือถึงการรับมือปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการจัดงานไทยแลนด์ไนท์ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีนักธุรกิจและผู้นำมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
“ดิฉันขออนุญาตชี้แจงเพียงเท่านี้ เพราะเชื่อว่าผู้ที่ติดตามอยู่คงให้ความเป็นธรรมว่าดิฉันไปทำงานตลอดเวลา ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงถึงการเดินทางไปอินเดียของนายกรัฐมนตรีว่า ได้รับความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และมาตรการฟื้นฟูประเทศหลังประสบอุทกภัย ประเทศไทยกับอินเดียมีข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศด้านการค้ามาตั้งแต่ปี 2546 โดยมีชนิดของสินค้าที่ทำการตกลงกัน 5,000 รายการ มี 82 รายการที่สมบูรณ์ และได้ตกลงเพิ่มอีก 1 รายการคือ ตู้เย็น 2 ประตู
ตั้งเป้าว่าปี 2557 การค้าการลงทุนจากอินเดียจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว
นอกจากนี้มีข้อตกลงด้านทหาร ความมั่นคง รวมถึงการเมือง วัฒนธรรม และการศึกษา
ส่วนการเดินทางไปประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส โฆษกรัฐบาลแถลงว่า มีเสียงตอบรับจากผู้นำธุรกิจต่างชาติโดยการยืนยันการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งความพร้อมด้านการลงทุนทุกด้าน
“ผู้นำทุกประเทศทั่วโลกสนใจและให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยเพิ่มขึ้น” นางสาวฐิติมา ฉายแสง ยืนยัน
เห็นไหมละครับ?
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านก็เกินไป จ้องแต่ที่จะจับผิดนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง ทุกประเด็น อย่างกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปอินเดีย ไปดาวอส สวิตเซอร์แลนด์หนนี้ ที่ว่าไปแสดงแฟชั่นมากกว่าไปโชว์วิสัยทัศน์ ความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ควรที่จะชื่นชมนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไปแสดงแฟชั่น ซึ่งคือจุดเด่นของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ที่สวย หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่งตัวทันสมัยก็ต้องแสดงสิ่งที่ดีที่เด่นนี้ออกมา ไปอินเดียก็ถ่ายรูปที่หน้าทัชมาฮาล บางคนบอกว่า ทำตัวเหมือนกับนักท่องเที่ยวไม่ใช่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจ นี่ก็น่าจะมองว่า เห็นไหมเล่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทำตัวเหมือนคนธรรมดา ซึ่งหาได้ยากมาก
โลกนี้อาจจะเพิ่งมีให้เห็น แม้กระทั่งบนเวทีอภิปรายยังสวมทอปบูตประหนึ่งเพิ่งจะลุยน้ำไปจากดอนเมืองให้คนทั้งโลกเห็นว่าเพิ่งจะผ่านอุทกภัยยังไงยังงั้น
ถ้าหากเอาวิสัยทัศน์ไปโชว์นั่นสิ จึงควรที่จะตำหนินายกรัฐมนตรี
แค่ที่ไปพูดบนเวทีด้วยมาดที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างที่ผู้กำกับการแสดง ผู้บอกบทให้นางสาวยิ่งลักษณ์แสดงมาตั้งแต่วันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมาจนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรีทุกวันนี้ ให้คนไทยทั้งหลายที่เฝ้าติดตามข่าวก็ต้องแขม่วท้องแทนแทบจะแย่อยู่แล้วด้วยเป็นห่วงว่า ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงจะดูถูกประเทศไทย ดูถูกคนไทยที่ช่างรู้จักเลือกนายกรัฐมนตรี
พรรคประชาธิปัตย์จะให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดภาษาอังกฤษคล่อง ถูกต้องตามไวยากรณ์อย่างที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นักเรียนอังกฤษ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ เอาแค่ที่เธอกล้าพูดผิดๆ ถูกๆ ด้วยความเชื่อมั่นนี่ก็หายากแล้ว เพราะเธอไม่ได้เป็นนักเรียนอังกฤษมาตั้งแต่เด็กอย่างนายอภิสิทธิ์
เอาว่า นายกรัฐมนตรีมีความกล้าหาญ มีความมั่นใจสูงอย่างที่ได้แสดงให้คนไทยทั้งหลายเห็น นี่ก็น่าจะพอแล้ว
ก็เห็นกันมาแล้วมิใช่หรือว่า หญ้าแพรกเธอก็เรียก หญ้าแฝก สิงห์บุรีก็เป็นเมืองมีทะเลเพราะเธอบอกว่า จะเอาหินไปถมทะเลที่นั่น ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็สระบุรีมิใช่สระแก้ว
คำพูดผิดๆ ถูกๆ ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนคนไทยทั้งหลายต้องถือเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เพราะนอกจากความไม่ฉลาดหลักแหลม ไม่มีความรู้รอบตัวแล้ว ก็ยังมองเห็นความผิดอย่างอื่นของเธอไม่ได้เลย
หรือถ้าหากเธอจะย้อนถามพรรคประชาธิปัตย์อย่างเจ็บๆ ว่า “นอกจากโง่แล้ว ฉันมีความผิดตรงไหนหรือ?” พรรคประชาธิปัตย์จะว่ายังไง
เพราะฉะนั้น เลิกจับผิดได้แล้วที่เธอไม่ค่อยจะเข้าประชุมสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าร่วมประชุมเพื่อที่จะตอบกระทู้สดของพรรคคฝ่ายค้าน มันเหมือนกินยาขมหม้อใหญ่ให้ไปทำอย่างอื่นยังจะง่ายเสียกว่า เป็นต้น สวมชุดนักบินเดินตรวจแถวทหาร ตำรวจที่มาแสดงความเคารพนบนอบในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ประกาศตัวลงสมัครับเลือกตั้งไม่กี่วันก็ได้รับเลือกไม่ต้องเดินทางเป็นพันๆ กิโลเมตร ไม่ต้องสั่งสมบารมี หัวหงอกหัวดำก็ยอมสยบ