แม้ไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านรถยนต์ แต่ความชอบของเด็กหนุ่มผนวกกับที่เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจด้านรถยนต์ จึงผุดเมกะโปรเจกต์ออกแบบล้อแมกซ์ และยางรถยนต์ ก่อนจ้างโรงงานผลิตรายใหญ่ของโลก ปั้นแบรนด์ Tri-Ace (ยางรถยนต์) และ KEOCIS (ล้อแมกซ์) แชร์ตลาดอุปกรณ์แต่งรถยนต์
นายพิชาญ พรหมเมฆประธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ บริษัท เอเวอร์ไชน์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายล้อแมกซ์ KEOCIS และยางรถยนต์ Tri-Ace เล่าว่า ตนเติบโตมาในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจเซรามิกภายใต้แบรนด์ KC มายาวนานจนธุรกิจแข็งแกร่งสินค้าเป็นที่รู้จัก จนกระทั่งธุรกิจอยู่ตัว จึงมองหาผลิตภัณฑ์อื่นมาจำหน่าย โดยวิเคราะห์จากอัตราการเติบโตของโลกธุรกิจ ณ เวลานั้น พบว่าตลาดรถยนต์ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าจะต้องลงทุนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์คงเป็นเรื่องยาก จึงมองหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ซึ่งยางและล้อแมกซ์น่าสนใจลงทุนอยู่ไม่น้อย
ดังนั้น พิชาญ จึงเริ่มศึกษาเรื่องยางรถยนต์และล้อแมกซ์อย่างจริงจัง ตั้งแต่กระบวนการผลิต และหาแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก ซึ่งช่วงแรกคิดจะเปิดโรงงานผลิตเองในไทย แต่ติดปัญหาเรื่องบุคลากรและเทคโนโลยี หันมองประเทศผลิตที่มีศักยภาพ อย่างจีน และไต้หวัน ผลิตให้แทนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยใช้เวลาศึกษาข้อมูลดังกล่าวราว 2 ปี จนมาลงตัวที่แบรนด์ KC
“การที่เราไว้ใจให้จีนและไต้หวันผลิตยางรถยนต์และล้อแมกซ์ให้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง แต่ในเรื่องลวดลายของยางรถยนต์ และรูปแบบล้อแมกซ์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งบริษัทฯ จะเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมดจากทีมวิศวกร พร้อมกำหนดคุณภาพตามต้องการ ซึ่งจะมีการศึกษาเทรนด์ และกระแสสังคมอยู่ตลอดเวลา จากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐฯ เพื่อให้โดนลูกค้ามากที่สุด”
แม้ธุรกิจจะเริ่มต้นได้เพียง 3 ปี หากภายในระยะเวลาดังกล่าวผลิตภัณฑ์กลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ก้าวขึ้นแท่นเป็นผู้จัดจำหน่ายยางล้อ 1 ใน 3 อันดับต้นของไทย ซึ่งเกิดจากการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้าทุกระดับ กล่าวคือ มีการชูจุดแข็งด้านคุณภาพแต่ราคาย่อมเยาแก่ตลาดล่าง ส่วนตลาดบนเน้นขายนวัตกรรมที่โดดเด่น เช่น การโชว์ลายดอกยางที่ดูทันสมัยไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำ พร้อมแข่งขันด้วยบริการหลังการขายเทียบมาตรฐานสากล มีการการันตีสินค้า 2-3 ปีเทียบเท่าแบรนด์ใหญ่
เมื่อผู้ประกอบการรายเล็กขอท้าชนกับแบรนด์ใหญ่ที่ลูกค้ารู้จักดี ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย แต่นายพิชาญกลับงัดกลยุทธ์ที่เหนือชั้นโชว์ศักยภาพยางรถยนต์และล้อแมกซ์ต่อสายตาสาธารณชนจากสนามแข่งรถ ที่รู้กันดีว่าหากคุณภาพไม่ถึงคงนำสินค้ามาใช้ในสนามแข่งไม่ได้
“เป็นสิ่งที่ผมกังวลอยู่เหมือนกัน เราเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด ทั้งที่มีแบรนด์หลายรายก็ช่วงชิงตลาดกันอยู่ แต่ในความเป็นรายเล็กไม่มีต้นทุนในเรื่องค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์มากนัก หากเทียบกับแบรนด์ที่ติดตลาดแล้ว ผมจึงใช้โอกาสนี้แสดงคุณภาพสินค้าที่เหนือราคาให้แก่ลูกค้า ทั้งการเข้าไปหาร้านค้าโดยตรงเพื่ออธิบายคุณภาพสินค้า และการเข้าสู่สนามแข่งรถ ซึ่งช่วยได้มากเพราะหลังจากผู้คนได้ประจักษ์แก่สายตาตนเองแล้ว ก็มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ KC ง่ายขึ้น ทั้งจากคุณภาพและราคาที่ย่อมเยากว่า”
และเพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและติดตลาดมากขึ้น นายพิชาญจึงปฏิวัติร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าของตนให้กลายเป็นร้าน KC แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าไปปรับเปลี่ยนป้ายร้านเป็น KC ตกแต่งร้านให้ใหม่ภายใต้รูปแบบเดียวกัน และจำหน่ายสินค้าแบรนด์ KC ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยล่าสุดนำร่องที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรีไปแล้ว
ไม่เพียงแต่ยางรถยนต์และล้อแมกซ์ของ KC จะประกาศศักดาในไทย ที่ปัจจุบันมีร้านตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศแล้ว ยังบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อย่างลาว พม่า เวียดนาม โดยมีการตั้งศูนย์กระจายสินค้าให้ครอบคลุมเพื่อสะดวกในการขนส่ง พร้อมวางเป้าหมายธุรกิจไว้ว่าในปี 2558 เมื่อมีการเปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC ให้สินค้าของบริษัทเอเวอร์ไชน์ ต้องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนให้ได้ และจากการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ ทำให้ยอดขายล่าสุดในปี 2554 สูงถึง 350 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทแน่นอน
***สนใจติดต่อ Call Center 08-6355-3646***
