รสชาติที่คุ้นเคยของ “ถั่วลิสงทอดกับกระเทียม” ยังติดปลายลิ้นของ 2 หนุ่มมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นสูตรเฉพาะจากประเทศอินโดนีเซีย ที่คุณแม่ของหนึ่งหนุ่มเป็นผู้ทอดให้รับประทาน พร้อมใส่ถุงพลาสติกใสปิดปากถุงด้วยการลนเทียน ฝากขายตามร้านขายของชำ จ.ชลบุรี เกิดไอเดียต่อยอดธุรกิจพัฒนาสินค้าพร้อมสร้างแบรนด์ Indo-Nut ชูความต่าง
ธนรัชฎ์ ประไพ (บอย) และปารดี ปิยะวาทินทร์ (ปลา) สองเพื่อนสนิทที่ตัดสินใจร่วมดำเนินธุรกิจถั่วลิสงทอดสูตรอินโดนีเซีย ด้วยความคิดที่ว่า “มีของดีอยู่ใกล้ตัว ทำไมไม่ต่อยอดเป็นธุรกิจ” กล่าวคือ ทั้งคู่ติดใจในรสชาติของถั่วลิสงทอดกระเทียมของคุณแม่ปารดี (ซารีปาห์ ปิยะวาทินทร์) ที่เป็นคนอินโดนีเซียตั้งแต่กำเนิด แต่มาสร้างครอบครัวกับสามีชาวไทยที่จังหวัดชลบุรี โดยเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวและลูกๆ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ซารีปาห์จะนำเอาสูตรอาหารหรือของกินเล่นมาทำให้ลูกๆ ได้รับประทาน รวมถึงเพื่อนลูกก็พลอยได้ลิ้มลองอาหารสูตรอินโดนีเซียอยู่บ่อยครั้ง แต่เมนูหนึ่งที่ทำให้ธนรัชฎ์ติดใจไม่รู้ลืมแม้จะไปร่ำเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ หลายปี เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านก็อดหวนคิดถึงรสชาติ “ถั่วลิสงทอดกระเทียม” ที่ชอบรับประทานเมื่อครั้งวัยเยาว์ไม่ได้
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คุณแม่ของปลาเลิกทำถั่วทอดกระเทียมสูตรอินโดนีเซียไปแล้ว ซึ่งเป็นของที่ไม่สามารถหารับประทานได้ทั่วไป แม้ที่ประเทศอินโดนีเซียเองก็ตาม เพราะคุณแม่บอกว่าถั่วลิสงทอดแบบนี้ถือเป็นอาหารพื้นเมืองของเมืองปาเล็มบัง ผู้คนจะรับประทานได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นการนำถั่วลิสงมาทอดกับกระเทียมจนแห้งสนิท เมื่อรับประทานจะได้ทั้งความหอมและความกรอบอร่อยไปพร้อมกัน”
จากเดิมซารีปาห์เคยทำส่งขายตามร้านขายของชำทั่วไป โดยบรรจุใส่ถุงพลาสติกใส และใช้วิธีปิดปากถุงด้วยการลนเทียน แต่ก็ต้องเลิกทำขายเพราะสามีย้ายไปทำงานที่จังหวัดระยอง จนกระทั่ง 2 หนุ่มกลับมาเจอกันอีกครั้งจึงลองคิดทำตลาดให้ถั่วลิสงทอดกระเทียม เพราะเป็นเมนูใหม่สำหรับคนไทย ยังไม่มีคู่แข่ง แถมทั้งคู่ยังได้รับประทานอาหารที่ชอบด้วย
“เราคิดว่าถั่วลิสงทอดกระเทียมเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีในตลาด หากได้รับการพัฒนาให้มีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนแพกเกจจิ้งน่าจะต่อยอดเป็นธุรกิจได้ โดยครั้งแรกที่วางเรานำไปวางขายที่ร้านกาแฟ 20 ถุง ทั้งที่ยังไม่มีแบรนด์ ปรากฏว่าขายหมดในเวลาเพียงไม่นาน และมีคนถามหา ในขณะที่นำไปขายเพื่อนที่ทำงานก็ขายดีเช่นกัน จึงเริ่มทำตลาดจริงจัง ซึ่งคุณแม่ของปลาก็พร้อมที่จะผลิตให้ โดยเราตั้งเป้าไว้ที่ 300 กก./เดือน แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็น 500-600 กก./เดือนไปแล้ว ซึ่งคาดว่ายอดขายดังกล่าวน่าจะเกิดจากรสชาติ และมาตรฐานการทอดถั่วที่เราใช้น้ำมันพืชทอดเพียงครั้งเดียว ไม่มีการนำกลับมาใช้ซ้ำ ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนของน้ำมันพืช”
นับว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จไม่น้อย กับการดำเนินธุรกิจมาได้เพียง 3 เดือน ของนักธุรกิจมือใหม่ที่ช่วยกันพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกผลิตภัณฑ์ก็ต้องมีจุดด้อยในตัวเอง ไม่สามารถทำรสชาติให้ถูกใจลูกค้าทุกคนได้ โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นของกระเทียม ที่ทั้งคู่ยอมรับว่าสิ่งนี้ทำให้ฐานลูกค้าอยู่ในวงจำกัด ดังนั้นล่าสุดได้พัฒนาสูตรตะไคร้ขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มนี้แล้ว ปัจจุบันวางจำหน่ายที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปห้วยกะปิ จ.ชลบุรี รวมถึงจัดส่งทางไปรษณีย์ ต้องสั่งขั้นต่ำ 20 ถุง (ราคาส่ง 25 บาท/ถุง) ส่วนอนาคตจะเจาะตลาดตามห้างสรรพสินค้า พร้อมกับขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และองค์การอาหารและยา (อย.) ต่อไป
ส่วนแผนธุรกิจในแง่ของกระบวนการผลิตนั้นสองหนุ่มบอกว่า เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นประมาณ 6,000 ซอง/เดือน โดยจะออกแบบเครื่องกวนถั่วที่ใช้เวลาเพียง 25 นาทีก็สามารถกวนถั่วได้ 1 กิโลกรัม แทนการใช้แรงงานคน รองรับการกระจายสินค้าตามจุดต่างๆ ในอนาคต
***สนใจติดต่อ 08-5020-0800, 08-3830-0777 หรือที่ www.facebook.com/IndoNut***
