เชียงใหม่หารือทางแก้ปัญหาโคมลอย แนะใช้ “โคมมาตรฐาน-โซนนิ่ง-กำหนดเวลา”

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผวจ.เชียงใหม่ ระดมหน่วยงานหารือปัญหาโคมลอยช่วงลอยกระทง พร้อมออกประกาศจังหวัดแนะประชาชนใช้โคมมาตรฐานใหม่ไม่ลอยสูง-ดับเร็ว กับห้ามปล่อยโคมก่อน 3 ทุ่ม เบื้องต้น เห็นพ้องรณรงค์ประชาชนใช้โคมรุ่นใหม่-จัดโซนนิ่งพื้นที่ปล่อยโคม พร้อมกำหนดเวลา หากปล่อยเยอะ-นอกเวลาต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (26 ต.ค.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุมเรื่องวาระการป้องกันปัญหาการปล่อยโคมลอย ในเทศกาลลอยกระทง ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการกลาง ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวเข้าร่วม

การประชุมในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงนามในประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องการป้องกันปัญหาจากการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2555 ในวันนี้ (26 ต.ค.) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การตั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง

ประกอบด้วย 1.การจัดทำโคมลอย ให้ใช้วัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ วัสดุลวดที่ใช้ยึดไส้โคมยาวไม่เกิน 20 เซนติเมตร ใช้เชื้อเพลิงในปริมาณที่ทำให้โคมลอยอยู่ในอากาศไม่เกิน 5 นาที

2.การปล่อยโคมลอย ให้คำนึงถึงทิศทางลม และความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน สายไฟฟ้า และการบินขึ้นลงของเครื่องบิน ส่วนกรณีที่มีการปล่อยโคมลอยในพื้นที่ที่เป็นเส้นทางการบินขึ้น-ลง ในพื้นที่อำเภอแม่ริม อำเภอสันทราย อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอสารภี รวมถึงกรณีการปล่อยโคมลอยที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 ลูกบาศก์เมตร หรือการปล่อยโคมลอยจำนวนมาก ให้ประสานไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ หรือกรมขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะในวันที่ 27-30 พ.ย. ให้ประชาชนทุกคนงดปล่อยโคมลอยก่อนเวลา 21.30 น.

และ 3.หากเกิดความเสียหายใดๆ จากการปล่อยโคมลอย และสามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ ผู้ปล่อยโคมลอย ผู้จำหน่าย รวมถึงผู้ผลิต/ผู้จัดทำโคมลอย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางแพ่ง และทางอาญา

ขณะที่ในการประชุมได้มีการหารือถึงข้อเท็จจริง และอันตรายที่มาจากการปล่อยโคมลอย และโคมควันขนาดใหญ่ รวมทั้งการหารือถึงแนวทางและมาตรการที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ และอันตรายที่อาจเกิดต่อการบิน โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานต่างๆ เช่น
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้นำเสนอการรณรงค์ให้ใช้โคมลอยธรรมชาติแทนโคมลอยแบบเดิม เนื่องจากเป็นโคมที่ได้รับการออกแบบให้มีลวดยึดไส้โคมยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร และไส้โคมเผาไหม้หมดก่อนตก ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) 808/2552 จึงไม่เกิดปัญหาอัคคีภัย และทำให้สายไฟฟ้าเสียหาย

ส่วนศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ ได้นำเสนอการกำหนดพื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการบิน รวมทั้งการกำหนดระยะเวลาในการปล่อยโคมหลังเวลา 21.30 น. เป็นต้น

ทั้งนี้ แนวทางเบื้องต้นที่ๆ ประชุมเห็นพ้องกันในการใช้แก้ไขปัญหาการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประกอบด้วย การกำหนดให้ใช้โคมลอยมาตรฐาน มผช.808 ที่มีความปลอดภัยกว่าโคมลอยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน การแจ้งข้อมูลการปล่อยโคมลอยให้แก่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าเพื่อเตรียมการรับมือ

การจัดโซนนิ่งพื้นที่ลอยโคม และการเหลื่อมเวลาการทำการบิน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากโคมลอยต่อการทำการบิน นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการนำข้อกฎหมายมาบังคับใช้เพื่อควบคุมการปล่อยโคมลอย ซึ่งในเบื้องต้น ได้มีการหยิบยกพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 มาหารือถึงการใช้บังคับด้วย

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ปัญหาโคมลอยนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากการที่โคมลอยได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก หากแต่การปล่อยโคมลอยเองก็ส่งผลกระทบในหลายๆ ด้าน ทั้งต่อความปลอดภัยทางการบิน ความเสียหายต่อสายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น จังหวัดเชียงใหม่จึงได้เรียนเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือเพื่อวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวในช่วงของเทศกาลลอยกระทงที่กำลังจะมาถึง

ในเบื้องต้น ได้เตรียมที่จะขอความร่วมมือให้ประชาชนหันมาใช้โคมที่ได้มาตรฐานที่มีความปลอดภัย และการแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปล่อยโคมลอย เพื่อที่จะได้เตรียมการป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการทำการบิน

สำหรับการดูแลในส่วนของโคมลอย จะให้แต่ละท้องถิ่นเข้าไปดูว่ามีแหล่งผลิต หรือจำหน่ายในพื้นที่หรือไม่ พร้อมทั้งแนะนำให้หันมาจำหน่ายโคมที่ได้มาตรฐานแทน ส่วนการปล่อยโคมลอยได้มีการกำหนรดระยะเวลาที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ และแจ้งไปยังประชาชนให้ปล่อยโคมลอยตามเวลาที่เหมาะสมต่อไป