xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีอุตฯ โต 5 เดือนติด ส่งออกยิ้มร่ายอดสั่งซื้อพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายนแนวโน้มดีเพิ่มขึ้น 5 เดือนซ้อน ผู้ส่งออกยิ้มร่าหลังพบยอดคำสั่งซื้อพุ่ง รับยังกังวลค่าแรง 300 บาทกระทบต้นทุนการผลิต ส่วนธุรกิจ SMEs ดัชนีปรับลดลง โดนพิษยอดคำสั่งซื้อ ปริมาณการขาย พ่วงต้นทุนเพิ่ม คาดภายใน 3 เดือนข้างหน้าดัชนีพุ่งอีกจากการปรับตัวตามสภาวะเศรษฐกิจของผู้ประกอบการ

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือนเมษายน 2555 จำนวน 1,086 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดย่อม อุตสาหกรรมขนาดกลาง และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ร้อยละ 25.0, 49.4 และ 25.7 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 104.0 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 102.1 ในเดือนมีนาคม ค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบด้านยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเหนือระดับ 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนภาคการผลิตที่น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือนเมษายน ได้แก่ อุปสงค์ภายในประเทศที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ผลดีจากเทศกาลสงกรานต์ทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น

ขณะที่ภาคการส่งออกยังส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเช่นกัน เห็นได้จากค่าดัชนียอดคำสั่งซื้อและยอดขายในต่างประเทศอยู่ในระดับเกิน 100 อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ยังให้น้ำหนักกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ใน 7 จังหวัดนำร่อง (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, สมุทรสาคร และภูเก็ต) และปรับเพิ่มอีกร้อยละ 40 ของค่าจ้างเดิมในอีก 70 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตในช่วงที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน

ส่วนภาคอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 95.7 ลดลงจากระดับ 100.5 ในเดือนมีนาคม โดยองค์ประกอบดัชนีที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ สำหรับอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่ค่าดัชนีปรับตัวลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมแก้วและกระจก อุตสาหกรรมไม้อัด ไม้บาง และวัสดุแผ่น อุตสาหกรรมยา ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 108.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 100.9 ในเดือนมีนาคม โดยองค์ประกอบดัชนีคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 112.6 เพิ่มขึ้นจาก 109.5 ในเดือนมีนาคม องค์ประกอบดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการวอนรัฐฯ ช่วยส่งเสริมการบริโภคและการจำหน่ายในประเทศให้มากขึ้น ควบคู่กับการลดค่าครองชีพของประชาชน ส่วนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาครัฐควรมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว รวมถึงควรมีการวางแผนการศึกษาหรือการส่งเสริมการศึกษาให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน เพื่อช่วยลดการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมควบคู่กันไป
กำลังโหลดความคิดเห็น