xs
xsm
sm
md
lg

“ดิโอโร่” สยายปีกแฟรนไชส์ ปักธง ขายวันละ 100 แก้ว ร้านฉลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับเป็นเวลากว่า 12 ปีมาแล้วที่ “ดิโอโร่” (D’ Oro) ดำเนินธุรกิจกาแฟครบวงจร ตั้งแต่ปลูก คั่ว ขายเมล็ดกาแฟ จนถึงเปิดร้านของตัวเอง โดยในปีนี้ (2555) ได้ขยายธุรกิจเพิ่มเติมด้วยการขายแฟรนไชส์ร้านกาแฟ ลงทุน 1- 2.5 ล้านบาท กำหนดเป้า ขายอย่างต่ำ 100 แก้วต่อวัน ธุรกิจอยู่รอดสบาย
นริศ ศรีอุเทนชัย
นริศ ศรีอุเทนชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีพีพี โปรเกรสชิฟ จำกัด เผยว่า ปัจจุบัน ร้านดิโอโร่มีสาขารวม 75 แห่ง เปิดโดยบริษัทเอง 73 แห่ง และร้านแฟรนไชส์ต้นแบบ 2 แห่ง ที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาระบบแฟรนไชส์มาอย่างต่อเนื่อง จนปีนี้ มีความพร้อมที่จะเปิดรับผู้สนใจมาร่วมธุรกิจ

โดยวิธีควบคุมคุณภาพแฟรนไชส์ที่พัฒนาขึ้น ได้นำระบบไอทีมาตรวจสอบและดูแลทุกๆ ด้านผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่จะออนไลน์ตลอดเวลา เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแฟรนไชซอร์ และแฟรนไชส์ซีไว้ด้วยกัน ทั้งการสั่งวัตถุดิบ สต็อกสินค้า ยอดขาย ประวัติสมาชิก ฯลฯ ช่วยให้ทุกสาขามีมาตรฐานเดียวกัน

ผู้บริหารแฟรนไชส์ดิโอโร่ ระบุว่า หัวใจสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจร้านกาแฟ คือ “ทำเล” ต้องอยู่ในย่านชุมชน สะดวกสบายเรื่องที่จอดรถ โดยเบื้องต้นผู้ลงทุนต้องหาทำเลมานำเสนอ จากนั้น บริษัทจะมีทีมสำรวจความเป็นไปได้ หากผ่านจะเข้าขั้นตอนทำสัญญาร่วมกัน

ด้านรูปแบบแฟรนไชส์เจาะจงต้องเปิดเป็นรูปแบบ “ร้าน” เท่านั้น พื้นที่ตั้งแต่ 16 - 100 ตารางเมตร โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1-2.5 ล้านบาท (แล้วแต่ขนาดร้าน) แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 3.5 แสนบาท อายุสัญญา 5 ปี นอกจากนั้น เป็นค่าตกแต่งร้าน ระบบไอที และค่าอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น หลังเปิดร้านมีการเรียกเก็บค่าสิทธิ (Royalty) 4% ของยอดขาย/เดือน และค่าการตลาด 2% ของยอดขาย/เดือน

หลักในการคัดกรองผู้มาร่วมธุรกิจกับเรา ต้องมีความพร้อมทั้งเรื่องทำเล เงินทุน และสิ่งสำคัญจะดูที่ “ทัศนคติ” ของเขาก่อน ถ้าเป็นคนที่เข้ามา แล้วตำหนิว่า ทำไมแฟรนไชส์แพงจัง? หรือไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องจ่ายค่าการตลาด? ทำไมต้องหักส่วนแบ่งยอดขาย? หรือคิดแต่จะได้กำไรเป็นอันดับแรก คนกลุ่มนี้ไม่น่าจะใช่ผู้จะมาร่วมธุรกิจกับเราได้ แต่ถ้าเป็นคนที่เข้าใจในระบบแฟรนไชส์ที่ถูกต้อง เขาจะเข้าใจว่า เงินที่หักไปจะถูกนำไปให้คุ้มค่าได้อย่างไร ซึ่งเราจะทำตั้งแต่ศึกษาความเป็นไปได้ การต่อยอดจัดโปรโมชั่นต่างๆ ส่งเสริมการตลาด รวมถึง จัดอบรมพัฒนาผู้บริหารร้านแฟรนไชส์ ซึ่งวิธีการนี้ จะทำให้แฟรนไชส์ของดิโอโร่มีความแข็งแรงมั่นคง เพราะเราคิดถึงการเป็นคู่ค้ากันในระยะยาว ดังนั้น ทัศนคติของผู้ที่จะร่วมเป็นแฟรนไชส์จึงควรต้องตรงกันเสียก่อน” นริศ ระบุ

นอกจากนั้น กำหนดให้แฟรนไชส์ซีต้องรับวัตถุดิบหลัก เช่น กาแฟ ชา โกโก้ ไซรัป แก้วกาแฟ และเบเกอรี่จากบริษัท หรือร้านค้าที่บริษัทอนุมัติเท่านั้น โดยกำไรที่ผู้ลงทุนจะได้รับ หักเฉพาะค่าวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 50% ของยอดขาย ส่วนกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ประมาณ 15-35% ของยอดขาย ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของแต่ละสาขา ซึ่งจากผลกำไรดังกล่าว หากขายได้วันละประมาณ 100 แก้ว แฟรนไชส์ซีจะคืนเงินลงทุนในได้เวลา 2-2.5 ปี ซึ่งจากค่าเฉลี่ยของร้านดิโอโร่ที่ผ่านมา แทบทุกสาขามียอดขายเกิน 100 แก้วต่อวัน ในขณะที่อัตราล้มเหลวของสาขาที่ผ่านมาอยู่ประมาณ 10% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับสาขาที่ประสบความสำเร็จ

“ผมคงไม่สามารถการันตีได้ว่า ทุกสาขาแฟรนไชส์ที่จะมาร่วมลงทุนกับเราจะประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ นำข้อมูลจริงมานำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้ลงทุน ซึ่งจากการเปิดสาขาด้วยตัวบริษัทเอง ค่าเฉลี่ยสาขาของเราทุกแห่ง สามารถขายได้วันละ 100 แก้ว ดังนั้น สำหรับผู้มาเป็นแฟรนไชส์ถ้าทำในมาตรฐานและรูปแบบเดียวกันของร้านดิโอโร่ โอกาสที่ร้านจะประสบความสำเร็จจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ส่วนร้านที่เราเปิดแล้วล้มเหลว ก็มีเช่นกันแต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก ซึ่งปัจจัยสำคัญเกิดจากทำเลไม่เหมาะสม ฉะนั้น ผมจึงย้ำว่า สำหรับผู้มาลงทุนแฟรนไชส์ ควรต้องมีทำเลที่เหมาะสม ซึ่งเราจะทำการสำรวจร่วมกัน เพื่อให้ได้ทำเลที่เหมาะสมจริงๆ” ผู้บริหารดิโอโร่ กล่าว

นริศ เผยด้วยว่า ความน่าสนใจต่อการลงทุนแฟรนไชส์ดิโอโร่ มาจากแบรนด์ที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดีแล้ว ในฐานะกาแฟของไทยที่มีรสชาติและคุณภาพไม่เป็นรองต่างชาติ อีกทั้ง ราคาไม่สูงเกินไป นอกจากนั้น ดิโอโร่มีจำนวนลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกกว่าแสนราย ซึ่งคนกลุ่มนี้ชื่นชอบและดื่มกาแฟดิโอโร่เป็นประจำอยู่แล้ว จึงเป็นประโยชน์แก่แฟรนไชส์ซีที่มีฐานลูกค้าเบื้องต้นค่อนข้างแน่นอน รวมถึง ข้อมูลสมาชิกเหล่านี้ ยังสามารถนำไปต่อยอดจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดได้ต่อเนื่อง

สำหรับเป้าในการขยายแฟรนไชส์ในปีนี้ กำหนดไว้ที่ 20-25 สาขา กระจายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ควบคู่กับขยายด้วยบริษัทเองในอัตราใกล้เคียงกัน และตั้งเป้าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีร้านแฟรนไชส์ดิโอโร่กระจายอยู่กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ

“ทุกวันนี้ มีธุรกิจร้านกาแฟ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก ทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก แต่ตลาดของกาแฟสดยังเติบโตไปได้อีกมาก มูลค่าตลาดต่อปีกว่าหมื่นล้านบาท และมีอัตราโตขึ้น 10-20% ทุกๆ ปี เพราะคนรุ่นใหม่ นิยมดื่มกาแฟสดกันมาก รวมถึง ทุกวันนี้ การดื่มกาแฟสดกลายเป็นอีกกิจวัตรของคนไทยไปแล้ว ดังนั้น ผมมั่นใจว่า ตลาดกาแฟสดยังไม่เต็ม แม้จะมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่ในที่สุดแล้ว ผู้บริโภคจะเป็นผู้คัดกรองคุณภาพเองว่า ผู้ผลิตเจ้าใดจะอยู่รอดได้บ้าง” นริศ กล่าวในตอนท้าย
ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ร่วมแฟรนไชส์
ค่าธรรมเนียมและค่าสิทธิ
@@@@@@@@@@@@@@@@

โทร.0-2876-1213-5 หรือ www.caffe-d-oro.com

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
กำลังโหลดความคิดเห็น