xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวใหม่ข้าวอบกึ่งสำเร็จรูป อร่อยรสไทย ง่ายแค่ฉีกซอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข้าวอบกึ่งสำเร็จรูป “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” รสต้มยำ
เมื่อทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามารับช่วงกิจการครอบครัว นอกจากจะสานต่อแล้ว ยังต่อยอดธุรกิจ โดยสร้างนวัตกรรมข้าวอบกึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” นำเสนอความอร่อยเพื่อสุขภาพในรสชาติแบบไทยๆ มาพร้อมความสะดวก ตอบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพียงแค่ฉีกซองแล้วหุงพร้อมข้าวเท่านั้น
  สมิต ทวีเลิศนิธิ  ทายาทรุ่น 2  บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด
สมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด ทายาทรุ่น 2 วัย 32 ปี เล่าว่า โรงงานก่อตั้งมากว่า 20 ปี อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ทำธุรกิจรับแปรรูปผลิตผลเกษตรอบแห้ง เช่น ผัก กระเทียม พริกป่น น้ำมันกระเทียมเจียว ฯลฯ ส่งให้ผู้ผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ ทั้งไทยและต่างประเทศ

หลังจากเข้ามารับหน้าที่หัวเรือใหญ่แทนรุ่นพ่อ พยายามคิดหาทางต่อยอดธุรกิจ โดยนำวัตถุดิบของโรงงานมาพัฒนาเป็นสินค้าอาหารแปรรูป ภายใต้แบรนด์ตัวเอง โดยกำหนดจุดยืนต้องเป็นอาหารที่ทำง่ายสะดวก ดีต่อสุขภาพ และยังไม่มีในท้องตลาดมาก่อน
มี 4 รสชาติ ได้แก่ ต้มยำ แกงเขียวหวาน ผงกะหรี่ และกระเทียมเห็ดหอม
“ผมเริ่มจากใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทด้านแปรรูปผักและเครื่องเทศอบแห้ง เพื่อจะพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ โดยตระเวนไปดูสินค้าในหลายๆ ประเทศ จนได้ไอเดียจะทำเป็นข้าวอบ ซึ่งเป็นอาหารที่ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว ทั้งไทยและต่างชาติ แต่มาทำในรูปแบบกึ่งสำเร็จรูปพร้อมกิน ซึ่งยังไม่มีในเมืองไทยสมิต เผย และเล่าต่อว่า

ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาสินค้านานกว่า 1 ปี ภายใต้งบประมาณกว่าล้านบาท โดยจุดเด่นอยู่ที่ความง่ายในการทำ เพียงแค่ใส่เครื่องปรุงในซอง ที่ประกอบด้วยซอสผงเครื่องเทศ ผักอบแห้ง และน้ำมันเจียวหอม ลงหุงพร้อมกับข้าวสาร ในหม้อหุงข้าว ที่ปริมาณ 1 ซองต่อข้าวสาร 1 ถ้วย และน้ำ 400 มิลลิลิตร สามารถเติมเนื้อสัตว์ที่ชอบลงหุงพร้อมกันได้ เพื่อเพิ่มความอร่อย

สมิต เสริมว่า เทคนิคแปรรูปของ “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” ใกล้เคียงกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เปลี่ยนจากเส้นบะหมี่มาเป็นข้าว และเปลี่ยนจากต้มในหม้อมาเป็นใส่ในหม้อหุงข้าว สำหรับเครื่องปรุงทั้งหมดไม่ใส่สารชูรสใดๆ ทั้งสิ้น จึงตอบโจทย์เป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างดี

ทั้งนี้ อายุการเก็บรักษาได้นานกว่า 2 ปี เบื้องต้น มี 4 รสชาติ ได้แก่ ต้มยำ แกงเขียวหวาน ผงกะหรี่ และกระเทียมเห็ดหอม ถือเป็นรสชาติแบบไทยๆ ที่คนทั่วไปรู้จักอยู่แล้ว อีกทั้ง ยังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ส่วนด้านความอร่อยจากการทดสอบของกลุ่มตัวอย่าง ค่าเฉลี่ยพึงพอใจโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม 7-8 จากเต็ม 10

กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มุ่งไปที่แม่บ้านที่ใส่ใจสุขภาพสมาชิกครอบครัว และคนรุ่นใหม่หรือคนเมืองที่ต้องการเมนูที่ทำง่ายและมีประโยชน์ ขณะที่ตลาดเป้าหมาย ต้องการให้มีสัดส่วนในประเทศประมาณ 35% และตลาดส่งออกต่างประเทศ ประมาณ 65%

ทายาทธุรกิจ เผยด้วยว่า ข้าวอบกึ่งสำเร็จรูป “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” ได้รับรางวัลชนะเลิศ นวัตกรรมอาหารเชิงสร้างสรรค์ ปี พ.ศ.2554 ของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนโรงงานผลิตได้มาตรฐานสากลครบถ้วน เช่น ISO 2300 , HACCP , GMP , Halal เป็นต้น ส่วนช่องทางตลาดเบื้องต้น เปิดตัวเมื่อกลางปี 2554 ที่ผ่านมา โดยออกงานแสดงสินค้าอาหาร ทำให้ได้ออเดอร์จากทั้งยุโรป และอาเซียน นอกจากนั้น เริ่มวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เช่น เครือเดอะมอลล์ อีกทั้ง กำลังเจรจาวางขายตามร้านสะดวกซื้อ สำหรับราคาขายปลีก ซองละ 38-42 บาท (แล้วแต่รสชาติ)
ข้าวอบ รสชาติต่างๆ
“ในเวลานี้ ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง แต่มีสินค้าใกล้เคียงกันจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผงปรุงรสกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม แนวทางทำตลาดในประเทศ ผมพยายามชูความแปลกใหม่ สะดวกสบายมากกว่า และดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบความต้องการของผู้ที่ยังไม่เคยบริโภค ส่วนการทำตลาดต่างประเทศ มุ่งนำเสนอความเป็นไทยแท้ๆ เพราะข้าวไทย และรสต้มยำ หรือเขียวหวานล้วนเป็นสุดยอดของอาหารไทย ซึ่งได้รับความนิยมจากต่างชาติอย่างมาก” สมิต กล่าว

ทายาทธุรกิจ เผยด้วยว่า ผลประกอบการของบริษัท เฉลี่ยประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ของบริษัท ตั้งเป้าว่า จะมาช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทอีก 300 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยผลการออกวางตลาดประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านบาท ถือว่ายังไกลต่อเป้าที่วางไว้มาก อย่างไรก็ตาม จากความแปลกใหม่ของสินค้า ประกอบกับจะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับมีแผนส่งเสริมตลาดสม่ำเสมอ เชื่อว่า จะทำให้ยอดขายไปสู่เป้าที่วางไว้ได้
แปรรูปส่วนผสม ภายในโรงงานผลิต
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กำลังโหลดความคิดเห็น