“มิสสะอาด” ยกระดับไข่เค็ม จากของฝากสู่ของขวัญ

ไข่เค็มอาหารพื้นบ้านของฝากขึ้นชื่อของอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ด้วยความที่ชื่อเสียงของไข่เค็มไชยา นี้เอง เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ของมิสสะอาด ผู้บุกเบิกสร้างแบรนด์ไข่เค็มในแบบโลโก้ เพื่อมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษๆ อย่างช่วงเทศกาลปีใหม่

นางพัทธนันท์ จารุกิจพิพัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท อาหารเพื่อชีวิต จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ไข่เค็มมิสสะอาด เล่าว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และครอบครัวทำไข่เค็มมานาน ตั้งแต่รุ่น บรรพบุรุษ ตกทอดมาจนถึงรุ่น พ่อ แม่ และมาถึงรุ่นของตนเอง ซึ่งนานหลายสิบปี ดังนั้น เราจึงมีสูตรทำไข่เค็มไชยา ที่เป็นต้นตำรับจริงๆ เดิมทำขายเป็นของฝากอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ตอนหลังการแข่งขันสูงมาก เพราะมีคนทำขายกันมาก ตนเองหลังจากได้เข้ามารับช่วงต่อ จึงได้คิดปรับเปลี่ยนรูปแบบการตลาดใหม่ หันมาทำไข่เค็มส่งห้างสรรพสินค้าแทน

" สาเหตุเลือกขายในห้าง เนื่องมาจากเห็นว่าในปัจจุบันการบริโภค หรือ ซื้อสินค้าของคนส่วนใหญ่ นิยมซื้อกันตามห้างสรรพสินค้า เป็นหลัก และประกอบกับเราต้องการยกระดับคุณภาพไข่เค็มของเรา ให้ดูดี และได้มาตรฐาน ขายอยู่ในสถานที่ที่มีการเก็บรักษาที่ดี เพื่อลูกค้าจะไข่เค็มที่สะอาดและปลอดภัย โดยไม่ต้องนำไข่ไปวางขายข้างถนนเหมือนกับรายอื่นๆ ซึ่งบางรายได้มาตรฐานปลอดภัย บางรายไม่ได้มาตรฐาน สุดท้ายคนซื้อในรายที่ไม่ดีไปก็ทำให้เสียกันไปหมด จึงตัดสินใจไม่ขายข้างถนนเหมือนกับรายอื่นๆ เป็นที่มาของไข่เค็มมิสสะอาด "

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของไข่เค็มมิสสะอาด คือ การขายในห้างสรรพสินค้าจะได้กำไรน้อยกว่าขายตามร้านทั่วไป และได้เงินล่าช้า แต่มีข้อดีเพราะกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้มากขึ้น ที่ผ่านมาจึงได้มีการทำไข่เค็มออกมาขายในช่วงเทศกาล อย่าง วันขึ้นปีใหม่ เพราะทุกคนมองหาของนำไปมอบให้กันในช่วงเทศกาล ที่ผ่านมา ไข่เค็มเอง ก็เป็นของฝากที่ได้รับความนิยม เพราะเก็บไว้ได้นาน และเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย

สำหรับไข่เค็มที่นำมาเป็นของขวัญในช่วงเทศกาล จะมีการคัดไข่ชนิดพิเศษ เป็นไข่ขนาดใหญ่ และคุณภาพดี โดยเลือกไข่เขียว เพราะจะได้ไข่แดงมากไข่เป็ดขาวทั่วๆไป และนำมาติดโลโก้ สัญลักษณ์ของมิสสะอาด หรือ ถ้าลูกค้าต้องการให้ทำโลโก้ของบริษัท ห้างร้าน ของตนเอง ทางเราก็ยินดีที่จะทำให้ ทั้งนี้ยังได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สะดวก และเหมาะแก่การนำไปมอบให้กันในวันสำคัญ ปัจจุบัน ในส่วนของไข่เขียวคัดพิเศษ ที่เราส่งขายตามห้างก็มีการติดโลโก้ของมิสสะอาดอยู่แล้ว ซึ่งราคาขายแพงกว่าราคาไข่เค็มปกติ โดยราคาขายไข่เขียวปัจจุบันที่ติดโลโก้ขายฟองละ 15 บาท

นางพัทธนันท์ เล่าว่า ไข่ที่ทำส่งขายห้างในปัจจุบันทำออกมา 2 ลักษณะคือ ไข่เค็มดิบ และไข่เค็มต้มสุก ไข่เค็มดิบเป็นไข่พอกดิน จุดเด่นของเราที่ปัจจุบันลูกค้าชื่นชอบ เพราะไข่ขาวไม่เค็มจัด และไข่ขาวจะมีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าไข่เค็มที่วางขายในท้องตลาด โดยสูตรของเราจะเป็นสูตรต้นตำรับไชยาแท้ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้ทำขายที่ท้องถิ่นก็ตาม นอกจากนี้ในกระบวนการผลิตของเราจะเน้นความสะอาด ไม่เฉพาะไข่เค็ม ส่วนของอาหารอื่นๆที่เราทำขายจะเน้นความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญ เราจึงกล้าที่จะตั้งชื่อว่า “มิสสะอาด”

โดยตนเองเริ่มมาทำไข่เค็มขายตั้งแต่ปี 2536 เปิดโรงงานผลิตไข่เค็มอยู่ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และได้รับการคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปของอำเภอปากเกร็ดด้วย ส่วนการผลิตไข่เค็มที่บ้านเกิด จังหวัดสุราษฎร์ก็ยังคงทำอยู่ แต่ไม่ได้ขายในท้องที่ เพราะปริมาณการผลิตที่ปากเกร็ด ไม่เพียงพอ ต่อการส่งขายในห้างสรรพสินค้า จึงต้องให้ทางสุราษฎร์ผลิตไข่เค็มส่งมาให้ด้วย สาเหตุที่เลือกผลิตที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อง่ายแก่การขนส่งไปห้างสรรพสินค้าต่างๆ

นอกจากนี้ ได้มีการทำส่งขายยังต่างประเทศ โดยมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและเยอรมันนี คัดเลือกไข่เขียวคัดพิเศษ โดยทางลูกค้าก็จะไปติดแบรนด์ของเขาเอง การส่งออกไปต่างประเทศจะมีทั้งไข่เค็มต้มสุกและไข่ดิบ แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า ส่วนอายุการเก็บรักษา ไข่ดิบอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน ส่วนไข่ต้มสุกอยู่ได้ประมาณ 15-20 วัน โดยจะมีการระบุข้างกล่องว่า ถ้านำไปทอดควรจะเป็นช่วงเวลาเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้ไข่เค็มเกินไป หรือถ้านำไปต้มควรต้มเมื่อไหร่

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลเริ่มทำมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีการจัดกระเช้าให้ลูกค้า และมีการติดโลโก้แบรนด์ของลูกค้า แต่ก็ยังเป็นลูกค้ากลุ่มเล็ก เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าเรามีการจัดกระเช้าไข่เค็มจำหน่าย ปีนี้น่าจะมีรุกตลาดและแนะนำลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการของขวัญ ของฝากมากขึ้น เพราะเป็นทางเลือกให้กับคนที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ

สำหรับมิสสะอาด ปัจจุบันมีอาหารกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น ไก่ยอ ลูกชิ้นปลากราย ไข่เยี่ยวม้าแท้ สูตรไร้สารตะกั่ว เป็นต้น จุดเริ่มต้นมาจาก คุณพัทธนันท์ เดิมทำงานธนาคาร แต่ด้วยความที่ต้องการจะมีกิจการของตนเอง จึงลาออกจากแบงก์ และเลือกมาพัฒนากิจการของครอบครัวต่อ คงเป็นอีกหนึ่งทายาทธุรกิจที่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ โดยยกระดับสินค้าท้องถิ่น มาพัฒนาต่อยอดเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ตามแบบฉบับไลฟ์สไตล์คนเมือง

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

โทร. 0-2964-2662