ปัญหาปวดคอ ปวดหลัง ที่บางครั้งมีสาเหตุมาจากหมอนและที่นอนไม่เหมาะสมกับสรีระร่างกายของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันไป ปัญหานี้จึงกลายเป็นข้อขบคิดให้นายแพทย์คิดค้นหมอนรองคอสำหรับผู้ที่ไม่เจอหมอนที่ใช่บรรเทาอาการปวดคอ กลับกลายเป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีคุณหมอที่เป็นนายแพทย์คอยให้คำปรึกษา กับหมอนยางพาราเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
นายจรัสพงศ์ โชติกวณิชย์ และทายาทธุรกิจรุ่น 2 ของ บริษัท เวนทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า ตนเองเป็นทายาทธุรกิจแต่เห็นธุรกิจนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยมีคุณแม่เป็นผู้ดูแลกิจการ ส่วนคุณพ่อ (นายแพทย์เจริญ โชติกวณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระดูกและข้อ) คอยเป็นที่ปรึกษา เริ่มจากมีคนไข้เข้ามาปรึกษาเรื่องอาการนอนแล้วปวดคจากหมอนที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่รองรับกับสรีระของแต่ละคน จึงคิดดัดแปลงหมอนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยนำหมอนข้างมาตัดแบ่งครึ่ง นำส่วนหนึ่งมาต่อกับหมอนเย็บติดกันให้หมอนมีความนูนเพื่อรองรับกับคอ ทดลองใช้กันภายในครอบครัวก็รู้สึกดี จึงให้คนไข้นำไปทดลองใช้บ้างก็ได้ผลดีเช่นกัน พร้อมนำไปจดสิทธิบัตรภายใต้แบรนด์ Ventry ต่อมาจึงคิดผลิตหมอนเพื่อสุขภาพโดยสั่งผลิตตามแบบขึ้นมาเอง หาวัสดุที่เหมาะสมระหว่างฟองน้ำกับยางพารา สุดท้ายก็พบว่ายางพาราเหมาะสมที่สุด เนื่องจากเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ และหาได้ง่ายในประเทศไทยไม่ต้องนำเข้า ส่วนฟองน้ำยังมีส่วนผสมของน้ำมันและเมื่อใช้ไปนานๆ จะเปื่อยยุ่ยกลายเป็นฝุ่นผง สาเหตุของโรคภูมิแพ้ได้
“แรกๆ เราใช้วิธีนำหมอนข้างมาตัดครึ่งและเย็บกับกับหมอน ก็ได้รับดี จึงคิดว่าน่าจะหาโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อขึ้นรูปตามแบบที่เราต้องการ พร้อมกับดัดแปลงรูปแบบหมอนไปเรื่อยๆ เพราะสรีระของมนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน และความชอบในการหนุนหมอนของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ทั้งชอบนอนหมอนสูง หมอนนิ่ม หรือหมอนแข็ง รวมถึงผู้ที่ประสบปัญหาโรคปวดกระดูกคอ ก็ต้องใช้หมอนที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำให้เราไม่หยุดนิ่งที่จะออกแบบหมอนออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันหนอน Ventry มีกว่า 15 แบบ เช่น หมอนสามารถนอนได้ 2 ด้าน (ด้านนิ่มกับด้านแข็ง), หมอนที่มีรูระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนบริเวณศีรษะ, หมอนสำหรับผู้ที่ชอบนอนตกหมอน, หมอนเด็กแรกเกิด และหมอนนอนได้ 4 ทิศทาง เป็นต้น”
เมื่อหมอน Ventry เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรักสุขภาพ ลูกค้าก็เริ่มถามหาที่นอนเพื่อสุขภาพบ้าง ดังนั้นการผลิตที่นอนก็หนีไม่พ้นการเลือกใช้ยางพารา เพราะมีความคงทนสูง การใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งที่นอนที่ทางบริษัทฯ ออกแบบมาก็มีลูกเล่นไม่แพ้หมอนหนุนศีรษะ ซึ่งออกแบบตามสรีระ และความชอบของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน อย่าง ที่นอนที่มีรูระบายอากาศไม่เท่ากัน กล่าวคือ หากรูระบายอากาศมีขนาดใหญ่ที่นอนส่วนนั้นจะนิ่ม มักจะอยู่ในตำแหน่งของก้น หรือส่วนรูระบายอากาศเล็กจะอยู่บริเวณหลัง ในขณะที่ผ้าหุ้มที่นอนมีแบบกันไรฝุ่น กันน้ำ หรือเป็นใยไหม นอนเย็นสบาย
การที่มีหมอนและที่นอนหลากหลายแบบ ทำให้การตัดสินใจของลูกค้ายากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าแบบไหนจะเหมาะสมกับสรีระของตนเอง ซึ่งโจทย์นี้ทางบริษัทฯ ก็นำมาขบคิดเช่นกัน จึงให้ลูกค้าสามารถทดลองนอนได้ก่อนตัดสินใจซื้อที่โชว์รูมย่านรามคำแหง (ซอยเทพลีลา) โดยมีผ้าปูให้ทดลองนอนแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสิ่งที่ใช่ที่สุด ส่วนการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าจะมีพนักงานขายคอยให้คำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีบริการ Made to Order สำหรับการตัดที่นอนให้เข้ามุมเตียงของลูกค้าอีกด้วย ส่งผลให้ขณะนี้ยอดจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 90% และส่งออกไปยังประเทศเกาหลี และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย อีก 10%
กว่า 30 ปี ที่บริษัท เวนทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพให้แก่คนไทยมายาวนาน เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรักสุขภาพ และตามโรงพยาบาล อาศัยการบอกปากต่อปาก แต่ลูกค้าก็เชื่อมั่นในความเป็นหมอนและที่นอนเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ในราคาย่อมเยาเริ่มเพียง 800-900 บาท/ใบ เท่านั้น ทำให้ปัจจุบันลูกค้าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่มีปัญหาปวดหลัง ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 2.ผู้ที่ยังไม่มีปัญหาปวดหลัง แต่ใส่ใจในสุขภาพ (คนวัยทำงาน) และ3.ผู้ที่ซื้อไปให้คนพิเศษ เช่น พ่อ แม่ ซึ่งในอนาคตคาดว่าตลาดยังเติบโตได้อีกจากกระแสคนรักสุขภาพ
***สนใจติดต่อ 0-2539-2559 หรือที่ www.ventry.co.th***