“เอสเอ็มอีแบงก์" หนุนลูกค้าประกันชีวิต ลดเสี่ยงภาระหนี้ตกสู่ทายาท

“เอสเอ็มอีแบงก์” จับมือ 9 บริษัทประกันชีวิต บริการประกันชีวิตแก่ลูกค้าธนาคาร ระบุช่วยลดเสี่ยงภาระหนี้ตกสู่ทายาทและป้องกันหนี้เสีย เผยให้สิทธิ์สมัครใจ เบี้ยประกันขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท พร้อมเตรียม 2 พันล. ช่วยเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยภายหลังร่วมลงนามข้อตกลงให้บริการประกันชีวิตแก่ลูกค้าธนาคารกับ 9 บริษัทประกันชีวิตว่า ความร่วมมือดังกล่าว เพื่อจะลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้แก่ลูกค้าธนาคารกรณีเสียชีวิต ซึ่งภาระการชำระเงินกู้จะตกไปยังผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการชำระคืนสินเชื่อให้แก่ธนาคารด้วย ซึ่งจะช่วยให้อัตราการเกิดหนี้เสียของเอสเอ็มอีแบงก์ลดลงด้วย

ทั้งนี้ ลูกค้าเอสเอ็มอีแบงก์ทุกรายมีสิทธิ์จะซื้อประกันชีวิตกับบริษัทประกันแห่งใดก็ได้ ใน 9 บริษัทที่ร่วมเป็นพันธมิตร โดยให้สิทธิ์ซื้อแบบสมัครใจ ไม่บังคับให้ลูกค้าทุกรายต้องทำประกันชีวิต แต่ทางธนาคารจะส่งเสริมให้ลูกค้าเห็นถึงประโยชน์ และความสำคัญของการประกันชีวิตเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ด้านเบื้ยประกันชีวิต และเงื่อนไขต่างๆ จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันชีวิตที่จะนำเสนอให้แก่ลูกค้าธนาคาร

“ปัจจุบัน ทางเอสเอ็มอีแบงก์ได้กำหนดให้ลูกค้าทุกรายต้องทำประกันในส่วนทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ในส่วนประกันชีวิตส่วนบุคคลยังไม่มีเลย ดังนั้น ทางเอสเอ็มอีแบงก์อยากสร้างความตระหนักให้แก่ลูกค้า ซึ่งระดับเอสเอ็มอีส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว หากในอนาคตมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับผู้นำครอบครัว ภาระการชำระหนี้จะไม่ได้ตกไปสู่สมาชิกของครอบครัว” กก.ผจก.เอสเอ็มอีแบงก์ กล่าว

ขณะนี้ เอสเอ็มอีแบงก์มีฐานลูกค้าประมาณ 80,000 ราย ยอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 90,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเบื้องต้นในระยะเวลา 3 เดือน ลูกค้าเอสเอ็มอีแบงก์จะมีอัตราการทำประกันชีวิตประมาณ 10% หรือราว 8,000 ราย สำหรับ 9 บริษัทประกันชีวิตที่ร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ ไทยประกันชีวิต, เมืองไทยประกันชีวิต, อาคเนย์ประกันชีวิต ,กรุงเทพประกันชีวิต , ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต, โตเกียวมารีนประกันชีวิต ,ประกันชีวิตนครหลวงไทย ,เอซไลฟ์แอสชัวรันซ์ และธนชาติประกันชีวิต

*** ชง 2 พันล้าน ช่วยเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย ****

นายโสฬส กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจลูกค้าของเอสเอ็มอีแบงก์ทางภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมากนัก อย่างไรก็ตาม ทางเอสเอ็มอีแบงก์ได้เสนอกระทรวงคลัง โดยเตรียมวงเงินไว้ 2,000 ล้านบาท สำหรับปล่อยกู้ให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในอนาคต โดยเงื่อนไขสินเชื่อจะใช้โมเดลเดียวกับที่เอสเอ็มอีแบงก์เคยปล่อยกู้แก่เอสเอ็มอีประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว (2553) มีเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 4.5% ตลอดระยะเวลาปล่อยกู้ 6 ปี ผ่อนดอกเบี้ยโดยไม่ต้องจ่ายเงินต้น 2 ปี ไม่ต้องใช้หลักประกัน ไม่ต้องตรวจเครดิต วงเงินปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท