xs
xsm
sm
md
lg

“BNK” จักรกลเหล็กฝีมือไทย เบอร์หนึ่งวงการ มาตรฐานโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิสัยทัศน์ที่แหลมคม คาดหมายแนวโน้มตลาดได้ถูกต้องแม่นยำ ประกอบกับหมั่นเรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือ กุญแจสำคัญแห่งความสำเร็จของเอสเอ็มอีสัญชาติไทยแท้ อย่าง “BNK” ผู้ผลิตเครื่องจักรเหล็กเพื่องานก่อสร้าง โดยเฉพาะด้านผสมคอนกรีต ที่ก้าวจากตัวแทนขายสู่ผู้ผลิต ซึ่งปัจจุบันเป็นเบอร์หนึ่งในวงการ ทั้งในแง่สัดส่วนตลาด และมีเทคโนโลยีของตัวเองที่ได้มาตรฐานระดับโลก
ธนิตศร สุทธาวาณิชย์
ธนิตศร สุทธาวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.เอ็น.เค. เอ็นจิเนียริง จำกัด เริ่มบุกเบิกธุรกิจตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ในยุคเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างร้อนแรง ทำให้เห็นแนวโน้มขยายตัวของภาคก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความต้องการใช้คอนกรีตคุณภาพอย่างมาก ทว่า ในอดีตการผสมคอนกรีตมักใช้แรงงานคน จึงทำได้ปริมาณน้อย และคุณภาพการผสมคอนกรีตไม่คงที่
ลูกโม่ขนส่งคอนกรีตติดตั้งบนรถ 10 ล้อ
จากมุมมองดังกล่าว เขาลงทุนกว่า 30 ล้านบาทเปิดบริษัทเป็นตัวแทนนำเข้าเครื่องจักรสำหรับผสมคอนกรีต และโม่ขนส่งคอนกรีตจากบริษัทญี่ปุ่น ที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย

ด้วยกระแสเศรษฐกิจขาขึ้นเวลานั้น ส่งให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูง อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญของเอสเอ็มอีรายนี้ เกิดขึ้นหลังเป็นตัวแทนขายราว 4-5 ปี เมื่อภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตสุดขีด มีตัวแทนขายรายใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก จนบริษัทผู้ผลิตไม่สามารถส่งสินค้ามาให้ได้ตามออเดอร์ ดังนั้น ตัดสินใจที่จะเพิ่มบทบาท จากแค่ผู้ซื้อมาขายไป มาเป็นผู้ผลิตเสียเอง
ชุดแท่นผสมคอนกรีตครบวงจร
“ความรู้ต่างๆ ผมอาศัยประสบการณ์ และศึกษาจากสินค้าในท้องตลาด โดยเฉพาะเครื่องจักรของเยอรมนี โดยเรียนรู้ทั้งด้านเทคโนโลยี ขั้นตอนการผลิต วัสดุและอุปกรณ์ แล้วนำข้อดีของยี่ห้อต่างๆ มาประยุกต์เพื่อผลิตเครื่องจักรของเราเอง” ธนิตศร เล่าถึงที่มาของความรู้
แท่นผสมอีกรูปแบบ
ในความเป็นจริง เจ้าของธุรกิจรายนี้ เรียนจบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนความรู้เชิงวิศวกรรม ล้วนมาจากเรียนรู้ด้วยตัวเอง กว่าจะผลิตเครื่องจักรสำเร็จ ใช้เวลาทดสอบอยู่นาน แต่ที่ยากยิ่งกว่าการผลิต คือ สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ที่มีต่อเครื่องจักรฝีมือคนไทย
ช่างกำลังเชื่อมต่อแท่นเหล็ก
“ผมใช้วิธีกางข้อมูลจริงให้แก่ลูกค้าได้เห็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น วัสดุเราใช้เหมือนของบริษัทต่างชาติเลย แจกแจงเป็นรายชิ้น คุณภาพทุกอย่างผ่านมาตรฐานสากล มีบริการหลังการขายดีเยี่ยม และราคาถูกกว่า โดยทุกอย่างจะทำเป็นตารางเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน” เจ้าของธุรกิจ เผยกลยุทธ์ทำตลาด
โม่ขนส่งคอนกรีต ที่ติดตั้งบนรถ 10 ล้อแล้ว
การปรับบทบาทดังกล่าว ช่วยให้บริษัทมีศักยภาพทางธุรกิจสูงยิ่งขึ้น และที่สำคัญกว่านั้น ยังเป็นหัวใจพาให้รอดพ้นจากวิกฤตฟองสบู่แตกสำเร็จ

ธนิตศร ขยายความส่วนนี้ให้ฟังว่า หลังปี พ.ศ.2540 ธุรกิจก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกลายเป็นอัมพาตแทบทั้งหมด ผู้นำเข้าเครื่องจักรก่อสร้างรายต่างๆ ทยอยปิดกิจการต่อเนื่อง แต่สำหรับบริษัทได้ใช้ความรู้การผลิตเครื่องจักรเหล็กไปพลิกแพลงทำเครื่องจักรประเภทอื่นๆ ส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย และอาเซียน เป็นต้น ทำให้วิกฤตครั้งนั้น แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่สามารถปรับตัวรอดพ้นมาได้
ภายในโรงงานที่ จ.ชลบุรี
ในปัจจุบัน BNK มีฐานความรู้ ทีมงาน และอุปกรณ์ พร้อมจะผลิตเครื่องจักรเหล็กเพื่องานก่อสร้างได้ทุกชนิด แต่พระเอกของบริษัท ได้แก่ ลูกโม่ขนส่งคอนกรีตสำหรับติดตั้งบนรถ 10 ล้อ มียอดผลิตกว่า 200 ลูกต่อปี ราคาลูกละ 6-7 แสนบาท (แล้วแต่ขนาด) กับแท่นผสมคอนกรีตครบวงจร ซึ่งบริษัทวิจัยและพัฒนาขึ้นเอง จดสิทธิบัตรไว้แล้ว โดยรูปแบบมีทั้งติดตั้งถาวร แบบฐานล้อเคลื่อนย้ายได้ และแบบผสม มียอดผลิตประมาณ 25-30 แท่นต่อปี ราคาอยู่ที่ 7-8 หลัก (แล้วแต่ขนาดและรูปแบบ)

จากอดีตที่มักเป็นทางเลือกรองจากเครื่องจักรนำเข้า แต่ทุกวันนี้ BNK ถือเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรเหล็กเพื่องานก่อสร้าง ด้านผสมและขนส่งคอนกรีต เพียง 1 จาก 2 รายที่เหลืออยู่ในประเทศไทยเท่านั้น เคียงคู่กับบริษัทประเทศเยอรมนีที่ตั้งฐานในเมืองไทย โดย BNK ครองสัดส่วนตลาดกว่า 65% ส่วนของบริษัทข้ามชาติ 35% และเมื่อกางรายชื่อลูกค้า ล้วนเป็นบริษัทก่อสร้างรายยักษ์ของประเทศ ด้านผลประกอบการเมื่อปีที่แล้ว (2553) กว่า 200 ล้านบาท
โรงงาน BNK
“เมื่อก่อนเราจะวางเครื่องจักรนำเข้าเป็นบรรทัดฐาน พยายามจะทำให้ได้เท่าเทียม ซึ่งจากที่เราพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และทำเครื่องจักรที่ลูกค้าใช้งานได้สะดวก ทุกวันนี้ ลูกค้าเชื่อมั่นสินค้าของเรามากกว่าของนำเข้าเสียอีก อีกทั้ง ยังพัฒนาเทคโนโลยีให้เหนือขึ้นไปอีก เช่น แท่นผสมคอนกรีตที่บริษัทพัฒนาขึ้น สามารถทำงานได้ดีกว่าสินค้าในตลาด ทั้งด้านความเร็วสูงกว่า 45% และประหยัดพลังงานกว่า 35% คุณภาพอยู่ในระดับโลกทุกประการ ทั้งหมดพัฒนาโดยทีมวิศวกรคนไทย” ธนิตศร ระบุ
“เมื่อก่อนเราจะวางเครื่องจักรนำเข้าเป็นบรรทัดฐาน พยายามจะทำให้ได้เท่าเทียม ซึ่งจากที่เราพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และทำเครื่องจักรที่ลูกค้าใช้งานได้สะดวก ทุกวันนี้ ลูกค้าเชื่อมั่นสินค้าของเรามากกว่าของนำเข้าเสียอีก - ธนิตศร สุทธาวาณิชย์
ในส่วนของปัญหาธุรกิจนั้น เขาชี้ไปที่ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะเหล็ก การสำรองวัตถุดิบเพื่อควบคุมต้นทุน จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ดังนั้น ได้ขอสินเชื่อธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ที่มีดอกเบี้ยอัตราพิเศษ เพื่อเป็นทุนสำรองหมุนเวียน

“ส่วนตัวผมให้ความสำคัญกับเงินทุนสำรองอย่างมาก เพราะเราไม่รู้ว่า อนาคตจะเกิดปัจจัยเสี่ยงอะไรที่คาดไม่ถึง อย่างล่าสุด แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ทำให้ชิ้นส่วนยานยนต์ส่งมาไม่ได้ กระทบการผลิตเครื่องจักรของผมเช่นกัน ดังนั้น การลงทุนหรือขยายธุรกิจใดๆ ผมจะพยายามกระจายความเสี่ยง และเหลือเงินสำรองไว้เพียงพอที่จะหมุนเวียนรับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้” ธนิตศร ทิ้งท้ายหลักคิดในการทำธุรกิจ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กำลังโหลดความคิดเห็น