“ทองบวก” ร้านอาหารเจ้าดังที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้ามาเกือบ 10 ปี ด้วยเอกลักษณ์เมนูแปลกแตกต่าง แนว “ฟิวชั่น ฟู้ด” (Fusion Food) ท่ามกลางบรรยากาศร้านร่มรื่นสไตล์รีสอร์ต เชื่อมต่อลงตัวระหว่างธุรกิจอาหารและท่องเที่ยวดึงดูดลูกค้าอยากเข้ามาสัมผัส
ณ ปัจจุบัน หน้าที่บริหารร้านแทบทั้งหมด ถูกถ่ายโอนมาอยู่ในมือของทายาทธุรกิจ อย่าง “แชมป์ วงษ์สวัสดิ์” ที่ไม่เพียงสานต่อ แต่ยังช่วยต่อยอดให้ร้านมีระบบจัดการดีกว่าเดิม ที่สำคัญขยายหาลูกค้ากลุ่มใหม่ช่วยให้กิจการเติบโตยิ่งขึ้น
ทายาทธุรกิจเล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านบริหารโรงแรมและท่องเที่ยว จากสหรัฐอเมริกา ได้ทำงานต่อในร้านอาหารที่สหรัฐฯ จนเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว ตัดสินใจเดินทางกลับมาสานต่อกิจการร้านอาหารของครอบครัว ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่ (สุชาติ – ภัทธา วงษ์สวัสดิ์) ร่วมกับบุกเบิกขึ้นจนประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุผลว่า อยากให้ทั้งสองท่านได้พักผ่อนไม่ต้องรับผิดชอบงานหนักจนเกินไป
หลังรับช่วงต่อ แชมป์ตัดสินใจลงทุนขยายร้าน โดยต่อเติมให้มี 2 ชั้น เพิ่มเนื้อที่ใช้สอยเป็น 200 ตารางเมตร รับรองลูกค้าเพิ่มเป็นกว่า 70-80 คน เนื่องจากเห็นว่า เดิมช่วงสุดสัปดาห์ลูกค้าจะแน่นจนไม่มีที่นั่ง ขณะที่ในร้านยังมีพื้นที่ใช้สอยเหลืออยู่ จึงมองเป็นโอกาสคุ้มค่าที่จะลงทุน
ที่สำคัญอีกประการ จัดระบบบัญชีใหม่ ทำให้พบว่า เดิมต้นทุนต่อจานค่อนข้างจะสูงเกินไป ดังนั้น ค่อยๆ ทยอยปรับเพิ่มราคาขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง ในขณะเดียวกัน พยายามดูแลความรู้สึกลูกค้าให้ยอมรับกับราคาที่ปรับเพิ่มได้
“ตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ดูแลอยู่ จะไม่ได้ทำบัญชีอย่างจริงจัง ทำให้ไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริง แต่พอผมจัดระบบมากขึ้น ตัวเลขมันโชว์ว่า ต้นทุนมันสูงเกินไป จำเป็นต้องปรับราคาขึ้น ซึ่งผมจะใช้วิธีค่อยๆ ปรับขึ้นทีละเล็กทีละน้อย พร้อมกับรักษาคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า ไม่เสียดายที่จ่ายเพิ่ม
สำหรับราคาอาหารเวลานี้ อยู่ที่ 89-599 บาทต่อจาน ต้นทุนต่อจานมีตั้งแต่ร้อยละ 20 - 60 แต่เฉลี่ยแล้วให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งกลยุทธ์ในการตั้งราคาแต่ละเมนู ผมจะดูประกอบกันทั้งจากต้นทุนวัตถุดิบ หน้าตาอาหาร การตกแต่ง บริการ และบรรยากาศร้าน นำมาร่วมกันแล้วกำหนดเป็นราคาที่คิดว่าลูกค้าจะพอใจ ซึ่งผลจากการขยายร้าน และปรับราคา ช่วยให้ยอดรายได้เพิ่มจากเดิมถึงกว่าร้อยละ 40”
แม้จะปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างไป ทว่า สิ่งสำคัญรักษาเอกลักษณ์เมนูเป็นแนว “ฟิวชั่น” ซึ่งเป็นจุดขายและจุดแข็งตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน มีให้เลือกสรรเกือบ 100 รายการ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง และอินเดีย เป็นต้น บวกรวมเข้ากับจุดขายด้านบรรยากาศร้านที่ร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างรูปทรงแปลกตาหลายหลัง ทั้งสไตล์โบราณคลาสสิก และโมเดิร์น ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นบ้านของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัววงษ์สวัสดิ์ ช่วยหนุนให้ร้านทองบวก กลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้สัญจรผ่านมวกเหล็กอยากแวะมาเยี่ยมชม
“กลุ่มลูกค้าหลักของร้านกว่าร้อยละ 90 จะเป็นนักท่องเที่ยวเกรดเอจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาพักผ่อนมวกเหล็กช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งการเน้นอาหารแนวฟิวชั่น กลายเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าอยากมาลิ้มลอง เพราะค่อนข้างแปลกกับทำเลแถวนี้ ส่วนบ้านพักต่างๆ พวกผมก็ออกแบบกันเอง อาศัยความชอบ ไม่เคยเรียนโดยตรง แต่ออกมาแล้วมันสวยแปลกตา ลูกค้าที่มากินอาหาร จะแวะพัก เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หลายคนบอกว่า บรรยากาศร้านเหมือนรีสอร์ตที่อยู่ติดถนน”
ในส่วนปัญหาของร้านนั้น แชมป์ชี้ไปที่การบริหารบุคลากร ทั้งกุ๊ก หรือพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งจะมีปัญหาต่างๆ นานาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นเข้าออกบ่อย ความรับผิดชอบ ปัญหาส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งการแก้ไขดีที่สุด คือ สร้างแรงจูงใจจากค่าตอบแทนที่เหมาะสม และปกครองให้ทุกคนอยู่ร่วมกันเหมือนครอบครัว ปัจจุบันในร้านมีพนักงานประมาณ 10 คน และสุดสัปดาห์จะจ้างนักเรียนในท้องถิ่นมาช่วยเสิร์ฟอาหาร
นอกจากสานต่อแล้ว ทายาทธุรกิจรายนี้ได้ต่อยอดหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ด้วยการลงทุนซื้อตู้คอนเทรนเนอร์ 2 ตู้ เตรียมปรับปรุงเป็นเคาวน์เตอร์ขายอาหารด่วน เช่น เมนูรมควัน ไอศกรีม แฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่แค่แวะมาชมสถานที่ ไม่ต้องการนั่งกินที่ร้าน โดยขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจท่องเที่ยวจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยมาเป็นทุนหมุนเวียน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ก่อนกลางปีหน้า (2553)
“ผมเกิดไอเดียจากที่เห็นว่าร้านเรา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีลูกค้าอยากเข้ามาดูบรรยากาศและสถานที่จำนวนมาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งกินที่ร้านก็ได้ แค่แวะถ่ายรูป ดังนั้น ผมจึงเชื่อมธุรกิจอาหารกับการท่องเที่ยว โดยเพิ่มบริการอาหารที่ซื้อกินง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน ซื้อไปกินบนรถ หรือซื้อกลับไปฝากได้ ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ และเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา”
สำหรับความคาดหวังและแผนในอนาคตนั้น แชมป์บอกว่า อยากให้ร้านได้รับความนิยมเช่นนี้ตลอดไป และเมื่อมีความพร้อมยิ่งขึ้น จะขยายสาขาร้านอีกด้วย
เป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่ จะเป็นโจทย์ท้าทายข้อใหม่ของทายาทธุรกิจคนนี้
@@@@@@@@@@@@@@@@@
ย้อนต้นกำเนิดร้าน “ทองบวก” |
ร้าน “ทองบวก” เริ่มเปิดบริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 จากฝีมือของ “สุชาติ วงษ์สวัสดิ์” ซึ่งเวลานั้น ใกล้เกษียณอายุจากงานประจำ อยากจะหาธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ทำในช่วงปั้นปลาย สุชาติ เล่าว่า เลือกที่จะทำร้านอาหาร เพราะภรรยา (ภัทธา วงษ์สวัสดิ์) มีฝีมือและชอบทำอาหาร โดยนำที่ดินใน อ.มวกเหล็ก ซึ่งเป็นที่มรดกมาปรับปรุงเป็นร้าน โดยเจ้าของที่ดินที่แท้จริง คือ “คุณทองบวก” ซึ่งเป็นแม่ของภรรยานั่นเอง นี่จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน “ทองบวก” เขาเสริมต่อว่า เดิมเป็นที่ดินว่างเปล่า เนื้อที่รวมประมาณ 4 ไร่ เริ่มแรกลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท แบ่งที่ประมาณ 60 ตารางเมตร มาทำเป็นร้านอาหารเล็กๆ ออกแบบ และตกแต่งสถานที่เองทั้งหมด ซึ่งจากจุดเด่นเป็นเมนูฟิวชั่น ฟู้ด ซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ในท้องถิ่น ประกอบกับบรรยากาศร่มรื่น ช่วยให้ร้านได้การตอบรับอย่างดียิ่ง เกิดกระแสบอกต่อ ช่วยให้ประสบความสำเร็จและเติบโตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน |
@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.08-6770-6565 , www.thegoldplus.com