เอสเอ็มอีแบงก์ เผยแผนปั้นทายาทธุรกิจ สำเร็จเกินคาด สร้างผู้ประกอบการใหม่เข้าสู่ระบบกว่า 178 ราย ก่อให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจหรือขยายกิจการ 46 ราย คิดเป็น 25.84% เกิดมูลค่าลงทุน 98.56 ล้านบาท และผ่านการอนุมัติสินเชื่อสานต่อธุรกิจ 38 ราย วงเงิน 191.40 ล้านบาท
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่หลักสูตร “ทายาทธุรกิจ” (NEC) ประจำปี 2552 จำนวน 5 รุ่นทั่วประเทศ ตามที่ธนาคารได้รับมอบหมายจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นั้น ภายหลังจากที่ธนาคารได้เปิดการอบรมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง เดือนกันยายน ที่ผ่านมาไปแล้วนั้น ปรากฏว่า ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ
โดยมีผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 178 ราย จากเป้าหมาย 175 ราย โดยมีผู้ผ่านการอบรมจัดตั้งและขยายกิจการ 46 ราย แบ่งเป็นขยายกิจการ 16 ราย และจัดตั้งธุรกิจใหม่ 30 ราย หรือคิดเป็น 25.84% มีเงินลงทุนเฉลี่ยต่อรายสูงถึง 2.14 ล้านบาท มูลค่าการลงทุน 98.5 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ จะต้องมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่หรือขยายกิจการไม่น้อยกว่า 20% และมีเงินลงทุนเฉลี่ยกิจการละ 1 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ จากการติดตามผลเบื้องต้นพบว่า ผู้ผ่านการอบรมได้ยื่นขอสินเชื่อกับเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ โดยได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวนทั้งสิ้น 38 ราย วงเงิน 191.40 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 17 ราย หรือ 10% เท่านั้น และผู้ประกอบการมีความพึงพอใจในหลักสูตรการอบรมฯดังกล่าวสูงถึง 89.81%
“จะเห็นได้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการมีความกระตือรือร้นหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายได้รับการสืบทอดกิจการและความรู้การทำธุรกิจต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่จำเป็นต้องหาความรู้เพิ่มเติม เนื่องจากสถานการณ์การค้าของโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เช่น การนำการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้ การจัดการด้านการผลิต การจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ทางการตลาดที่เจาะตรงกลุ่มเป้าหมายสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ทายาทธุรกิจต้องรู้และก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง”
นายโสฬส กล่าวว่า นโยบายการพัฒนาผู้ประกอบการในปีนี้ธนาคารเน้นคุณภาพเป็นสำคัญ เพราะต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเป็นระบบ และจากการประเมินผลเชิงคุณภาพ นอกจากผู้ผ่านการอบรมจะสามารถขยายกิจการ/จัดตั้งธุรกิจใหม่ และได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารแล้ว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเห็นว่า ส่งผลให้ตนเองมีความรู้ความเข้าใจสามารถนำความรู้ไปปรับใช้เป็นกลยุทธ์บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยัง สามารถเขียนแผนธุรกิจด้วยตนเองสำเร็จ เป็นการเสริมศักยภาพในการวางแผนธุรกิจและนำไปปรับใช้การดำเนินธุรกิจของครอบครัวใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น รวมทั้งก่อให้เกิดการตัดสินใจเลือกการลงทุนที่จะจัดตั้งธุรกิจใหม่หรือขยายสาขาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
