"กันชง" เป็นพืชในตระกูลเดียวกับกันชา พืชสารเสพติดที่ห้ามปลูก เช่นเดียวกับกันชง แต่กันชงนั้น ให้สารเสพติดน้อยมากเพียง 0.03% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม กันชงก็ยังเป็นพืชควบคุมพื้นที่ปลูก ซึ่งปัจจุบันจะพบพื้นที่ปลูกกันชงกันเฉพาะในเขตพื้นที่บนดอยมีชาวเขาเผ่ามงอาศัยอยู่เท่านั้น
สำหรับคุณสมบัติของกันชงที่โดดเด่นอย่างหนึ่ง คือ เมื่อนำเส้นใยมาทอเป็นผ้าสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 65% นอกจากนี้ ผ้าใยกันชง ช่วยให้ความอบอุ่นในช่วงอากาศหนาว ระบายความอับชื้นได้ดี เนื้อผ้ายังไม่อมฝุ่น ทำให้ไม่เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ส่วนข้อเสียของผ้าใยกันชง คือ เนื้อผ้าจะแข็งกระด้าง แต่ถ้านำไปซักบ่อย เนื้อผ้าจะค่อยนิ่มมากขึ้น
นางสาวดวงฤทัย ภูมิพิเชฐ ผู้ผลิตเส้นใยผ้าทอใยกันชง เล่าว่า ตนเองเป็นผู้ผลิตผ้าใยกันชงรายเดียวในประเทศไทย โดยได้ทำการผลิตมานานกว่า 6 ปี จุดเริ่มต้นมาจากได้รู้จักผ้าใยกันชง จากการได้เดินทางไปบนดอย และเห็นชาวเขาทอผ้าใยกันชงใช้กัน และเกิดความชื่นชอบ พอได้ศึกษาก็รักและหลงเสน่ห์ของผ้าชนิดนี้ และประกอบกับมองเห็นช่องว่างทางการตลาด เพราะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน ถ้าได้มาทดลองทำเป็นการค้า จะเป็นรายเดียวโดยไม่มีคู่แข่ง
ทั้งนี้ ส่วนของวัตถุดิบ นำมาจากชาวมงที่อยู่บนดอย ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ปีหนึ่งจะมีวัตถุดิบที่สามารถหาซื้อได้ประมาณ 2,000-3,000 กิโลกรัม เพราะกันชงยังเป็นพืชควบคุมพื้นที่การปลูก ทำให้หาซื้อได้ยาก ส่งผลให้วัตถุดิบมีราคาสูง กิโลกรัมละ 210 บาท ถ้าเป็นย้อมสีธรรมชาติ กิโลกรัมละ 450 บาท ถึง 500 บาท การนำกันชงมาใช้จะนำมาได้เฉพาะลำต้นที่ผ่านขึ้นตอนการทำจนออกมาเป็นเส้นใยตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน ส่วนใบและอื่นไม่สามารถนำลงมาได้ เพราะจัดเป็นพืชที่มีสารเสพติด
จุดเด่นของกันชงอยู่ที่กลิ่น ซึ่งฉุนและแรง เมื่อนำมาทำเป็นเส้นใยและมาทอเป็นผ้า กลิ่นก็จะออกมาเหมือนกับหญ้าตากแห้ง แม้ว่าจะใช้ไปนานแค่ไหนกลิ่นก็ยังอยู่ จึงเป็นเสน่ห์ของผ้าใยกันชงแบบ 100% ที่ไม่มีการปลอมปนของผ้าจากเส้นใยชนิดอื่นๆ เพราะถ้าทอร่วมกับผ้าชนิดอื่น หรือ ย้อมสีด้วยสีเคมี กลิ่นเหล่านี้ก็หายไปเช่นกัน ดังนั้น ลูกค้าจึงสังเกตได้ไม่ยากถ้าจะซื้อผ้าใยกันชงแบบ 100% และทอด้วยสีธรรมชาติ พิสูจน์จากกลิ่นที่อยู่ในเนื้อผ้า
“ผ้าใยกันชงแท้ ปัจจุบันหาซื้อได้ยาก เพราะส่วนใหญ่มีการทอแบบผสมกับเส้นใยทางเคมี มีส่วนผสมของใยกันชงน้อยมาก เพราะต้องยอมรับว่ากันชงทั่วโลกยังเป็นพืชควบคุม ทำให้มีวัตถุดิบน้อยและมีราคาแพง ประกอบกับในปัจจุบันส่วนใหญ่จะย้อมสีเคมี ในขณะที่จุดขาย คือ ผ้าเราได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ"
ในส่วนขั้นตอนการผลิต จะมี 2 แบบ คือ การทอด้วยมือ และการทอด้วยเครื่องจักร แต่เดิมในอดีตใช้การทอด้วยมืออย่างเดียว แต่มีปัญหา คือ ลวดลายการทอไม่สม่ำเสมอ ทำให้โดนลูกค้าต่อราคาอยู่บ่อย แต่พอนำเครื่องจักรมาช่วยในการทอทำให้งานออกมาสม่ำเสมอ ผ้าดูน่าใช้ และสร้างลวดลายได้มากขึ้น ที่สำคัญคือ สามารถทำงานออกมาได้เร็วขึ้น แต่ในส่วนการทอมือ ก็ยังคงทำอยู่ เพราะลูกค้าบางคนชอบเสน่ห์ของงานทอมือที่ดูมีเทคเจอร์ไม่เรียบ เหมือนกับการทอเครื่องจักร และเป็นการช่วยส่งเสริมอาชีพของกลุ่มสหกรณ์สตรีบ้านสระไม้แดง ด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผ้าใยกันชงได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ ตามกระแสของการรณรงค์การใช้เส้นใยผ้าจากธรรมชาติ และคุณสมบัติดีของผ้าใยกันชง ทำให้ความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้ยกเลิกพื้นที่ควบคุมการปลูกกันชง ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกกันชงได้มากขึ้น และทางราชการยังประกาศให้กันชงเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ในปี 2552-2554 โดยตั้งเป้าไว้ว่าปีหน้าจะมีวัตถุดิบผ้าใยกันชงเพิ่มขึ้นถึง 5,000 กิโลกรัม และนโยบาย 5 ปี ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีใยกันชงออกสู่ตลาดมากถึง 10-100 ตันต่อปี
“สินค้าหลักของเรา คือการขายผ้าทอให้ลูกค้าซื้อเพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปออกมาจำหน่าย แต่มีบางส่วนที่นำมาแปรรูป เป็นกระเป๋า ใส่โน้ตบุ๊ก เพราะหลายครั้งที่ต้องนำโน้ตบุ๊กใส่รถ และต้องตากแดด ด้วยคุณสมบัติของผ้ากันรังสียูวีช่วยได้ และจากผลการวิจัยยังพบว่าหากมีการทอผ้าที่แน่นมากพอ และผ้าหนาๆ จะสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 95% นอกจากกระเป๋าโน้ตบุ๊ก ก็ยังมีกระเป๋าแฟชั่น กระเป๋าเดินทาง รองเท้า หมวก ของแต่งบ้าน ผ้าม่านกันแดด เสื้อผ้า ฯลฯ"
ปัจจุบันลูกค้าของเราเป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์ สนใจนำผ้าใยกันชงของเราไปผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่าย เช่น รองเท้ากีฬาชื่อดัง กระเป๋าเดินทางแบรนด์ดัง เป็นต้น และเทรนด์ในปีที่ผ่านมาของผ้าใยกันชง จะเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน กระเป๋า ของใช้ แต่ในปี 2553 เทรนด์ผ้าใยกันชงจะออกมาในเรื่องของแฟชั่นมากขึ้น จึงได้ทดลองนำเส้นใยกันชงมาทอร่วมกับเส้นใยไหมแบบไทย ซึ่งออกมาได้ลงตัว ปีหน้าคงจะได้เห็นแฟชั่นเครื่องแต่งกายจากผ้าใยกันชงจากเมืองไทยในวงการแฟชั่นชื่อดังก็เป็นได้
โทร. 08-1447-5447