อดีตเวทีประกวดนางงาม ได้สร้างชื่อให้กับเหล่าสาวงามได้สร้างชื่อให้เธอได้ไต่เต้าจากนักแสดง จนก้าวมาเป็นนักธุรกิจหลายราย เฉกเช่น “รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร” หรือ“เป๊กกี้” อดีตรองมิสไทยแลนด์เวิล์ดอันดับ 1 เมื่อปี 2531 (ปีเดียวกับ “กบ ปภัสรา”) เธอได้พลิกผันตัวเองจากวงการบันเทิง สู่การเป็นพนักงานคนสำคัญของบริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่าย ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายสตรี และเครื่องหนัง ELLE , MK MICHEL KLEIN
และจากความสำเร็จในการบริหารงานให้กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์ดัง ในวันนี้ คุณเป๊กกี้ ได้ออกเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเอง ที่มีชื่อว่า “Becky Russell” เป็นหนึ่งในแบรนด์ภายใต้การดูแลของ บริษัท ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
รมิดา เล่าว่า เครื่องแต่งกายภายใต้ แบรนด์ของ Becky Russell แตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป เพราะตั้งใจจะทำออกมาเอาใจสาวรูปร่างใหญ่ เช่นเดียวกับตัวเอง แนวคิดเริ่มต้นมาจาก เมื่อครั้งที่ได้ไปเดินแบบ และสวมเสื้อผ้าชุดไหนจะมีคนรูปร่างคล้ายตนเองให้ความสนใจ เพราะปัจจุบันในตลาดเสื้อผ้าเครื่องกายสตรีของเมืองไทย ไม่ค่อยมีขนาดเสื้อผ้าที่เหมาะกับรูปร่างของตัวเองออกมากนัก ซึ่งโดยส่วนตัวเราทำงานตรงนี้ก็จะมีช่างและดีไซน์เนอร์ คอยดูแลตัดเสื้อผ้าให้ตลอด ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ในขณะที่คนทั่วไปก็ไม่มีเช่นเดียวกับเรา จึงเป็นตัวจุดประกายไอเดียทำเสื้อผ้าแบรนด์ Becky Russell ออกมา
ทั้งนี้ เนื่องจากเราทำงานอยู่ตรงนี้ ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อศึกษาเรื่องของผ้า ทำให้ได้เห็นและรู้จักผ้าคุณภาพดีๆ จากในหลายประเทศ ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฯ และได้เลือกผ้าคุณภาพดีเพื่อนำมาใช้กับเสื้อผ้าแบรนด์ของตนเองในครั้งนี้ด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ลูกค้าจะได้สวมใส่เสื้อผ้าจากผ้าคุณภาพดีและรูปแบบใหม่ๆ และในส่วนของงานดีไซน์ ได้ดีไซน์เนอร์ที่เคยออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับบริษัทเสื้อผ้าดังในประเทศสหรัฐอเมริกา มาช่วยออกแบบให้ ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจในแบรนด์ Becky Russell ว่าน่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
ส่วนการวางตำแหน่งสินค้า เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ของบริษัท โดยตั้งราคาไว้ใกล้เคียงกัน และเป็นราคาที่ไม่แพงมากสำหรับลูกค้าคนไทยเฉลี่ยประมาณ 1,690บาทถึง 3,200บาท ส่วนแบบคงจะเน้นไปที่รูปแบบของสาวร่างใหญ่ แต่ในบางคอลเล็คชั่น มีแบบของผู้หญิงไทยทั่วไปด้วย โดยการออกแบบจะมุ่งไปที่กลุ่มผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป จนถึง65- 70 ปี เป็นชุดที่ใส่ไปทำงานอย่างเป็นทางการ หรือ แบบที่สวมใส่สบายในวันหยุด
สำหรับแผนการตลาดเนื่องจากเป็นแบรนด์น้องใหม่ของบริษัท ในช่วงแรกจึงไม่กล้าที่จะคาดหวังการเติบโตมากนัก และประกอบกับเป็นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม และมีเคาน์เตอร์ที่เปิดขายอยู่เพียงไม่กี่สาขา ทำให้ยังไม่กล้าคาดหวังในเรื่องของยอดขาย คงต้องดูผลตอบรับก่อนที่จะวางแผนเรื่องของการตลาดต่อไป ซึ่งช่องทางการขายในปัจจุบันขายผ่านห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อิเซตัน และถ้าผลตอบรับดีก็มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มในห้างอื่นๆ ต่อไป ในอนาคต
“ทั้งนี้เราไม่ได้คาดหวังทำตลาดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีแผนที่จะส่งออกไปต่างประเทศด้วย โดยในช่วงนี้ มีลูกค้าจากหลายประเทศให้ความสนใจ ในช่วงแรกเริ่มทำตลาดในภูมิภาคก่อน เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย และตอนนี้มีลูกค้าจากประเทศสแกนดิเนเวียให้ความสนใจนำสินค้าของเราเข้าไปจำหน่ายด้วย ในตอนนี้เราก็มองอยู่หลายประเทศที่เสื้อผ้าของเราน่าจะเข้าไปทำตลาดได้ โดยรูปแบบที่ขายประเทศ และส่งออกในตอนนี้ก็ยังคงมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน หรือ เหมือนกัน แต่ในช่วงแรกต้องศึกษาตลาดตรงนี้ก่อน เหมือนกับการลองผิดลองถูก ปีแรกเราเองก็ยังไม่ได้ตั้งเป้าเป็นตัวเลขให้กับทางบริษัท แต่ในปีถัดเมื่อได้ทดลองตลาดแล้วน่าจะตั้งเป้ายอดขายตรงนี้ได้”
ส่วนการออกคอลเลคชั่นใหม่ ตั้งไว้ปีละ 2 ครั้ง ในส่วนของขนาดในช่วงทดลองตลาดคงจะต้องดูความต้องการของลูกค้าว่าต้องการไซด์ขนาดเท่าไหร่ ในเรื่องขนาดตอนนี้คงจะยังไม่ตายตัว และดูสัดส่วนความต้องการของลูกค้ารูปร่างใหญ่ว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งเราน่าจะเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ เพราะปัจจุบันเสื้อผ้าตัวเล็ก ขนาดปกติ ลูกค้าสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด มีตั้งแต่ราคาที่ถูกสุดตามตลาดนัด ไปจนถึงราคาสูงในห้างสรรพสินค้า ในขณะที่คนรูปร่างใหญ่ คงจะไม่สามารถหาซื้อเสื้อผ้าได้ตามท้องตลาด เราทำตรงนี้เหมือนเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ซื้อสินค้าในราคาคนไทยสามารถรับได้
โทร.02-295-0692