สถาบันอาหาร เตรียมเดินหน้าโครงการครัวไทยสู่โลก ระยะ 2 วางยุทธศาสตร์อาหารปลอดภัย นำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ต่อยอดเพิ่มมูลค่ายกระดับสู่สากล เน้นพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอี เผยผลงานที่ผ่านมา ปั้นครัวไทยในต่างแดนเพิ่มกว่า 7,000 ราย ช่วยพาถึงแหล่งทุนกว่า 200 ราย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการครัวไทยสู่โลก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา จะเน้นให้ทั่วโลกรู้จักอาหารไทย และสำหรับโครงการระยะที่ 2 มุ่งด้านมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก อีกทั้ง ใช้เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) มาเพิ่มมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมอาหารของไทย”ภายใต้แนวความคิด “เชื่อมั่นอาหารไทย”
ทั้งนี้ การส่งเสริมจะมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการอาหารระดับเอสเอ็มอี ซึ่งมีอยู่ถึงร้อยละ 90 ของอุตสาหกรรมอาหารทั้งหมด เพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจอาหารไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลก โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหารจากภูมิปัญญาของไทย และทำการตลาดตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการส่งออกวัฒนธรรมอาหารของไทยสู่สากล
นายอมร งามมงคลรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ในฐานะเลขาธิการ คณะอนุกรรมการบริหารและติดตามโครงการครัวไทยสู่โลก เผยว่า ในการดำเนินงานโครงการครัวไทยสู่โลกที่ผ่านมา ใช้งบประมาณราว 500 ล้านบาท ดำเนินโครงการต่างๆ ช่วยให้ทั่วโลกรู้จักอาหารไทยเป็นอย่างดี เช่น จัดตั้งศูนย์พัฒนาอาหารไทยและครัวไทยสู่โลกขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางบริหารโครงการ พัฒนาศูนย์ข้อมูล จับคู่ทางธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ยกระดับการบริหารจัดการร้านอาหารไทย และ อบรมพ่อครัว-แม่ครัวไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาถึงปัจจุบันมีรายชื่อพ่อครัวแม่ครัวคนไทยที่แจ้งความประสงค์การทำงานในต่างประเทศและขึ้นทะเบียนกับศูนย์พัฒนาอาหารไทยและครัวไทยสู่โลกแล้วประมาณ 1,151 คน และจนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 มีฐานข้อมูลร้านอาหารไทยทั่วโลกแล้วทั้งสิ้นประมาณ 13,149 แห่ง เพิ่มขึ้นจากในปี 2541 ที่มีจำนวนร้านอาหารไทยเพียง 6,537 ร้านทั่วโลก โดยจากการสำรวจพบว่าร้านอาหารไทยกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ โดยทวีปอเมริกาเหนือและใต้ ร้อยละ 50 ทวีปเอเชียรวมตะวันออกกลาง ร้อยละ 18 ทวีปโอเชียเนีย ร้อยละ 16.5 ทวีปยุโรป ร้อยละ 14.5 และทวีปแอฟริกา ร้อยละ 1 ตามลำดับ นอกจากนั้น ได้ประสานให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนแล้วกว่า 200 ราย วงเงินรวม 1,372 ล้านบาท นอกจากนั้น มีส่วนผลักดันการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารไทย ได้ปีละกว่า 7 แสนล้านบาทและตั้งเป้าว่า ปี 2553 การส่งออกจะเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท รวมเป็น 8 แสนล้านบาท
นางอมร ระบุถึงการดำเนินโครงการในระยะที่ 2 ได้ของบจากโครงการไทยเข้มแข็งไป 3,000 ล้านบาท แต่ได้รับอนุมัติมา 300 ล้านบาท ซึ่งเงินได้โอนมาแล้วประมาณ 100 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติงบประมาณที่เหลืออีก 200 ล้านบาท โดยสถาบันอาหารจะนำไปดำเนินโครงการตามวางยุทธศาสตร์ให้ความสำคัญกับสินค้าอาหารมาตรฐานความปลอดภัย คุณภาพของอาหารไทยและร้านอาหารไทยตลอดห่วงโซ่ การผลิตอาหารของไทย โดยใช้ยุทธศาสตร์การสร้างคุณค่า(Value Creation) ให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมที่เป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้อาหารไทยทั้งระบบในก้าวต่อไป