“นามสกุล ไม่ใช่ใบเบิกทางในการทำธุรกิจของผมครับ” ส่วนหนึ่งของบทสนทนาที่ อานนท์ ฮุนตระกูล กรรมการผู้จัดการ Amaltery ผู้ผลิตไอศครีมค็อกเทลวัย 30 ปี สะท้อนเส้นทางธุรกิจให้ฟังถึงสร้างแบรนด์ที่เน้นคอนเซ็ปต์ไอศครีมสำหรับผู้ใหญ่ มุ่งเจาะกลุ่มกลุ่มเป้าหมายไฮเอนด์ในย่านไฮเปอร์มาร์ทของเมืองไทย
แม้ฮุนตระกูลจะเป็นตระกูลใหญ่เจ้าของกิจการโรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองไทย แต่ประสบการณ์ธุรกิจของอานนท์กลับไปเริ่มต้นที่ธุรกิจการ์เมนท์ กระทั่งคิดเติบโตสร้างธุรกิจจากวงสนทนาในหมู่เพื่อนว่า “ถ้ามีไอศครีมที่ผสมแอลกอฮอล์ได้ คงจะทำให้อรรถรสในวงเสวนาครึกครื้นขึ้นอีก เลยคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกของคนทานไอศครีม เพื่อนๆ ก็เริ่มลงขันกัน มีหุ้นส่วนที่ไปเรียนทำไอศครีมโดยตรง มาทำสูตรผสมแอลกอฮอล์เข้าไปประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ในรสค็อกเทล ทดลองทำ ทดลองทานกัน จนลงตัวแล้วตั้งชื่อให้น่าทานเปิดตัวครั้งแรกที่เอราวัณเมื่อ 4 ปีที่แล้ว”
เป้าหมายของ Amaltery คือการนำเสนอทางเลือกของการดื่มค็อกเทลในรูปแบบไอศครีมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ มีลูกเล่นขึ้น มีลูกค้ากลุ่ม B+ เริ่มแจ้งเกิดที่โรงแรมเอราวัณกระทั่งเติบโตมาถึงเซ็นทรัลเวิลด์ ไฮเปอร์มาร์ทหรูของเมืองไทย
ตลอดเส้นทางนั้นไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เพราะแม้จะพะยี่ห้อฮุนตระกูลแต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด “ไอศครีมค็อกเทล เป็นสิ่งแปลกใหม่ไม่มีใครทำแต่เราลืมคิดไปว่าคนไทยไม่กล้าลองเพียงเพราะรู้ว่ามีแอลกอฮอล์ แม้ผมจะมั่นใจว่า 10 คนที่ได้ชิม 8 คนจะกลับมาทานอีก แต่เราพลาดที่ไม่ได้สำรวจความต้องการของตลาดก่อนซึ่งก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว เราต้องมาคิดต่อว่าเส้นทางข้างหน้าจะเดินไปอย่างไร”
การเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ทำให้ อานนท์ กล้าที่จะเปิดโลกการตลาดด้วยการเข้าไปนำเสนอ Amaltery ในโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ติดด้วยการบริหารในรูปแบบเชนต่างประเทศ เส้นทางจึงดูเหมือนตีบตัน หรือการเปิดตลาด Catering ก็จะถูกจำกัดไว้สำหรับเจ้าของสถานที่เป็นผู้จัดหาไม่ใช่ของคนจัดงาน 4 ปี กับรสชาติไอศครีม 40 รสชาติให้ลูกค้าเลือกตามใจชอบ ดูเหมือนจะเป็นหนทางพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐานและมีลูกเล่นมีสีสันอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ถูกปากลูกค้าคนไทยแต่ได้ใจนักชิมต่างประเทศ กระทั่งถามถึงการซื้อแฟรนไชส์
“อุปสรรคที่เจอมันทำให้ผมต้องคิดเยอะขึ้นเพื่อเลี้ยงทุกคนให้อยู่รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ยากอย่างนี้ยิ่งทำให้เราคิดเยอะ การเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้ผมกล้าคิดกล้าทำมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค อย่างเรื่องของการลงทุนในการพัฒนา หรือการนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ หรือเลือกใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพในการผลิต ตรงนี้ผมคิดว่าจะดีกับเราในระยะยาวเป็นเรื่องที่ต้องลงทุนก็จะลงมือทำทันที” อานนท์ย้ำ
ดูเหมือนว่าเส้นทางเติบโตต่อไปจะเป็นผลพวงของการเป็นนักสู้รุ่นใหม่ที่คิดเติบใหญ่ในเวทีสากลเพื่อสร้างที่ยืนให้กับ Amaltery ซึ่งไม่เพียงเป็นเรื่องใหม่ของคนไทยหากแต่เป็นเรื่องใหม่สำหรับคอไอศครีมทุกคนเลยทีเดียว
****ข้อมูลจาก www.smethailandclub.com****