สสว. เสริมศักยภาพและเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ภาคเหนือ มุ่งกลุ่มหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ ท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยจัดสัมมนา Focus Group SMEs เพื่อเสริมความรู้ สร้างความพร้อม กระตุ้นให้เกิดเครือข่าย และเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งในประเทศและกลุ่มสมาชิกอาเซียน ทั้งแหล่งวัตถุดิบ แหล่งท่องเที่ยว หวังสร้างโอกาสในการขยายตลาดให้ SMEs ไทย
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสว. ดำเนินนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งหนึ่งในงานหลักคือ โครงการ SMEs Flying Geese ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม พัฒนา รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาศักยภาพเพื่อขยายตลาดโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ ASEAN และขยายผลไปสู่ตลาดการค้าระดับสากลในอนาคต โดยมีวิสาหกิจสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง สาขาสิ่งพิมพ์และพิมพ์สกรีน สาขาอาหาร และสาขาแฟชั่น เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
"เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs สสว. ได้จัดการสัมมนา Focus Group SMEs ในพื้นที่ภาคเหนือครั้งนี้ขึ้น โดยมุ่งกลุ่มสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งสาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ สร้างศักยภาพทั้งด้านการผลิตและการตลาด และกระตุ้นให้เกิดการรวมเป็นเครือข่าย (Cluster) นำไปสู่การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน” นายชาวันย์กล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ ประเทศไทยนับว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อถือในตลาดโลก แต่ปัจจุบันวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น ไม้ ปอสา หวาย ฯลฯ เริ่มขาดแคลนต้องมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ สปป. ลาว และเวียดนาม เป็นแหล่งที่มีวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต แต่ยังขาดการพัฒนา ทั้งทางด้านการผลิต และการตลาด โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผ้า และกระดาษสา
ขณะที่สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องนั้น เนื่องจากวิสาหกิจสาขาท่องเที่ยวเป็น SMEs ถึง 99.6% ซึ่งในปี 2550 มีจำนวนกิจการ 184,102 ราย จำนวนการจ้าง 647,188 คน และมีส่วนช่วยส่งเสริม SMEs สาขาที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก ให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างรายได้ถึงปีละ 928,199 ล้านบาท แต่ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่งผลกระทบให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง 30-40%
ประกอบกับการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ผ่านมาได้เห็นชอบให้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในอาเซียน ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน จึงจัดทำโครงการนำร่องข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังช่วยให้ SMEs สามารถรักษากิจการ และจำนวนการจ้างงานเพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติไปได้
สำหรับการสัมมนา Focus Group SMEs ทั้ง 2 สาขาเป้าหมายนี้ กำหนดจะจัดทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจะจัด 2 วัน ณ โรงแรมแคนทารี่ฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในวันที่ 5 สิงหาคม เป็นการประชุมครั้งแรกของสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ ครั้งต่อไปจะจัดที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ภาคอิสาน และภาคใต้ ตามลำดับ ส่วนวันที่ 6 สิงหาคม เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของสาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง โดยครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก และครั้งต่อไปจะจัดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
อย่างไรก็ดีการสัมมนาดังกล่าวจะมีวิทยากรที่มีความรู้ความชำนาญ มาร่วมให้ความรู้ โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ผู้แทนของหน่ายงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เข้าร่วมประชุมรวมไม่น้อยกว่า 200 คน
“เชื่อว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ที่เกี่ยวข้อง นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานสินค้า ให้มีศักยภาพเพียงพอในการขยายตลาด ขณะเดียวกันก็จะเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง Cluster กับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน เพื่อก่อให้เกิดเป็น Cross – Border Cluster / Network / Alliance / Supply Chain ที่จะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดให้กับ SMEs ไทย ให้เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่อไป ” นายชาวันย์ กล่าว
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสว. ดำเนินนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งหนึ่งในงานหลักคือ โครงการ SMEs Flying Geese ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม พัฒนา รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาศักยภาพเพื่อขยายตลาดโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ ASEAN และขยายผลไปสู่ตลาดการค้าระดับสากลในอนาคต โดยมีวิสาหกิจสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง สาขาสิ่งพิมพ์และพิมพ์สกรีน สาขาอาหาร และสาขาแฟชั่น เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
"เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs สสว. ได้จัดการสัมมนา Focus Group SMEs ในพื้นที่ภาคเหนือครั้งนี้ขึ้น โดยมุ่งกลุ่มสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งสาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ สร้างศักยภาพทั้งด้านการผลิตและการตลาด และกระตุ้นให้เกิดการรวมเป็นเครือข่าย (Cluster) นำไปสู่การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน” นายชาวันย์กล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ ประเทศไทยนับว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อถือในตลาดโลก แต่ปัจจุบันวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น ไม้ ปอสา หวาย ฯลฯ เริ่มขาดแคลนต้องมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ สปป. ลาว และเวียดนาม เป็นแหล่งที่มีวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต แต่ยังขาดการพัฒนา ทั้งทางด้านการผลิต และการตลาด โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผ้า และกระดาษสา
ขณะที่สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องนั้น เนื่องจากวิสาหกิจสาขาท่องเที่ยวเป็น SMEs ถึง 99.6% ซึ่งในปี 2550 มีจำนวนกิจการ 184,102 ราย จำนวนการจ้าง 647,188 คน และมีส่วนช่วยส่งเสริม SMEs สาขาที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก ให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างรายได้ถึงปีละ 928,199 ล้านบาท แต่ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่งผลกระทบให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง 30-40%
ประกอบกับการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ผ่านมาได้เห็นชอบให้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในอาเซียน ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน จึงจัดทำโครงการนำร่องข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังช่วยให้ SMEs สามารถรักษากิจการ และจำนวนการจ้างงานเพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติไปได้
สำหรับการสัมมนา Focus Group SMEs ทั้ง 2 สาขาเป้าหมายนี้ กำหนดจะจัดทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจะจัด 2 วัน ณ โรงแรมแคนทารี่ฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในวันที่ 5 สิงหาคม เป็นการประชุมครั้งแรกของสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ ครั้งต่อไปจะจัดที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ภาคอิสาน และภาคใต้ ตามลำดับ ส่วนวันที่ 6 สิงหาคม เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของสาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่อง โดยครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก และครั้งต่อไปจะจัดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
อย่างไรก็ดีการสัมมนาดังกล่าวจะมีวิทยากรที่มีความรู้ความชำนาญ มาร่วมให้ความรู้ โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ผู้แทนของหน่ายงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสาขาหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ สาขาท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เข้าร่วมประชุมรวมไม่น้อยกว่า 200 คน
“เชื่อว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ที่เกี่ยวข้อง นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานสินค้า ให้มีศักยภาพเพียงพอในการขยายตลาด ขณะเดียวกันก็จะเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง Cluster กับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน เพื่อก่อให้เกิดเป็น Cross – Border Cluster / Network / Alliance / Supply Chain ที่จะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดให้กับ SMEs ไทย ให้เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศต่อไป ” นายชาวันย์ กล่าว