สสว. จับมือ ธนาวัธน์อุตสาหกรรม ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทั้งในและต่างประเทศ มุ่งขยายตลาดสินค้าอุปโภค บริโภค กลุ่มวิสาหกิจชุมชน OTOP SMEs พร้อมเป็นกลไกพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และเป็นตัวแทนผู้ประกอบการเพื่อรวบรวมและขายสินค้าให้กับบริษัทในต่างประเทศ เผยยอดขายผ่านโครงการฯ กว่า 350 ล้านบาท
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ทางสสว. ได้ร่วมกับ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม จำกัด ภายใต้โครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากล (Global Logistics and Sourcing Center in Thailand) โดยได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อช่วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs ให้เกิดการพัฒนาสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เจาะความต้องการของตลาด รวมถึงยังสามารถจัดจำหน่ายสินค้า ผ่านช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความร่วมมือของ สสว. กับ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม นอกจากจะทำให้มีผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs เพิ่มขึ้นแล้ว ทางธนาวัธน์อุตสาหกรรม ยังจะช่วยปรับปรุงคุณภาพ และมาตรฐานของสินค้าก่อนการขายให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้รวบรวมและเป็นผู้แทนผู้ประกอบการ ในการเสนอขายสินค้าให้กับ บริษัท Daiso Industries จำกัดจากประเทศญี่ปุ่น บริษัท Joalife จำกัด จากประเทศเกาหลี และบริษัทต่างๆ ในต่างประเทศ อีกด้วย นายชาวันย์ กล่าว
ด้านนายดำรงค์ เนาวรัตโนภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับสินค้าประเภท SMEs และ OTOP เนื่องจากทางบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการเจาะตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค โดยดำเนินธุรกิจด้านการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคมานานกว่า 30 ปี และเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่มและเครื่องปรุงรสต่างๆ ทั้งจากผู้ผลิตภายในประเทศและจากต่างประเทศ นำมาจำหน่ายให้แก่ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง โมเดิร์นเทรด ภัตตาคาร ร้านอาหาร และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีผลิตภัณฑ์หลักอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ 1.Snack เช่น Glico, Pocky, Collon, Alfie, Pretz, Calpico stick, Munchies, Chee Tara Cheese stick, Kenjang 2. Healthy เช่น Ukon (อูคอน พาวเดอร์ ตราเฮ้าส์) 3.Cooking เช่น ซอสถั่วเหลืองโจฮิน, สลัดครีมพรีม่าฟู้ดส์ 4.Beverage เช่น เหล้าสาเกญี่ปุ่น, Lki Mugi Shochu (โชยุ), Ozeki, Kagura, Gekkeikan, Siam Tokai, Takamasamune 5. อื่นๆ ได้แก่ น้ำยาล้างจาน Power G เป็นต้น
“ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพสินค้าของวิสาหกิจชุมชนของไทย ซึ่งได้รับการพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องขั้นตอนการผลิตต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เนื่องจากที่ผ่านมาสินค้าของไทยยังมีข้อด้อยในเรื่องของกำลังการผลิตที่ไม่สามารถผลิตในจำนวนมากได้ ดังนั้นทางสสว. จะเข้ามาช่วยดูแลและพัฒนาในเรื่องนี้ เพื่อทำให้สามารถผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติได้
“สินค้าประเภทเครื่องปรุงรส อาหาร ผลไม้กระป๋อง ถือเป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีศักภาพของไทย ที่สามารถแข่งขันกับประเทศจีน เพราะเป็นสินค้าที่ไทยค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบที่มีคุณภาพพร้อมแข่งขัน รวมถึงลูกค้าชาวต่างชาติก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งยอดภาพโดยรวมของทางบริษัทฯ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมามียอดขายรวม 850 ล้านบาท” นายดำรงค์กล่าว
จากการที่บริษัทเล็งเห็นว่าปัจจุบันสินค้าจากผู้ผลิต OTOP และ SMEs ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในเชิงคุณภาพ การออกแบบรูปลักษณ์และบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก จึงมีความสนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท ดังนั้นความร่วมมือกับ สสว. ในโครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากลครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายช่องทางการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ของวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs แล้ว ขณะเดียวกันบริษัทก็จะช่วยให้ข้อมูลความต้องการของตลาด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าได้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป
นางสาวพนิตพิชา ชินวัตร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ SMEs ภูมิภาค สสว. กล่าวว่า ศักยภาพของสินค้าไทยในระดับ SMEs และ OTOP นั้น ถือได้ว่าสินค้าประเภทหัตถกรรม และอาหาร ประเภทเครื่องปรุงรส ผลไม้กระป๋อง และอาหารสัตว์ เป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันกับตลาดจีนได้ เนื่องจากต่างชาติยอมรับในคุณภาพ และมาตรฐานการผลิต ดังนั้นทางสสว. จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนา และผลักดันสินค้าเหล่านี้ให้แข่งขันกับต่างชาติ โดยอาศัยช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางธนาวัธน์อุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการไทยอีกทางหนึ่ง
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ทางสสว. ได้ร่วมกับ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม จำกัด ภายใต้โครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากล (Global Logistics and Sourcing Center in Thailand) โดยได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อช่วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs ให้เกิดการพัฒนาสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เจาะความต้องการของตลาด รวมถึงยังสามารถจัดจำหน่ายสินค้า ผ่านช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความร่วมมือของ สสว. กับ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม นอกจากจะทำให้มีผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs เพิ่มขึ้นแล้ว ทางธนาวัธน์อุตสาหกรรม ยังจะช่วยปรับปรุงคุณภาพ และมาตรฐานของสินค้าก่อนการขายให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้รวบรวมและเป็นผู้แทนผู้ประกอบการ ในการเสนอขายสินค้าให้กับ บริษัท Daiso Industries จำกัดจากประเทศญี่ปุ่น บริษัท Joalife จำกัด จากประเทศเกาหลี และบริษัทต่างๆ ในต่างประเทศ อีกด้วย นายชาวันย์ กล่าว
ด้านนายดำรงค์ เนาวรัตโนภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาวัธน์อุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับสินค้าประเภท SMEs และ OTOP เนื่องจากทางบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการเจาะตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค โดยดำเนินธุรกิจด้านการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคมานานกว่า 30 ปี และเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่มและเครื่องปรุงรสต่างๆ ทั้งจากผู้ผลิตภายในประเทศและจากต่างประเทศ นำมาจำหน่ายให้แก่ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง โมเดิร์นเทรด ภัตตาคาร ร้านอาหาร และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีผลิตภัณฑ์หลักอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ 1.Snack เช่น Glico, Pocky, Collon, Alfie, Pretz, Calpico stick, Munchies, Chee Tara Cheese stick, Kenjang 2. Healthy เช่น Ukon (อูคอน พาวเดอร์ ตราเฮ้าส์) 3.Cooking เช่น ซอสถั่วเหลืองโจฮิน, สลัดครีมพรีม่าฟู้ดส์ 4.Beverage เช่น เหล้าสาเกญี่ปุ่น, Lki Mugi Shochu (โชยุ), Ozeki, Kagura, Gekkeikan, Siam Tokai, Takamasamune 5. อื่นๆ ได้แก่ น้ำยาล้างจาน Power G เป็นต้น
“ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพสินค้าของวิสาหกิจชุมชนของไทย ซึ่งได้รับการพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องขั้นตอนการผลิตต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เนื่องจากที่ผ่านมาสินค้าของไทยยังมีข้อด้อยในเรื่องของกำลังการผลิตที่ไม่สามารถผลิตในจำนวนมากได้ ดังนั้นทางสสว. จะเข้ามาช่วยดูแลและพัฒนาในเรื่องนี้ เพื่อทำให้สามารถผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติได้
“สินค้าประเภทเครื่องปรุงรส อาหาร ผลไม้กระป๋อง ถือเป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีศักภาพของไทย ที่สามารถแข่งขันกับประเทศจีน เพราะเป็นสินค้าที่ไทยค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบที่มีคุณภาพพร้อมแข่งขัน รวมถึงลูกค้าชาวต่างชาติก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งยอดภาพโดยรวมของทางบริษัทฯ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมามียอดขายรวม 850 ล้านบาท” นายดำรงค์กล่าว
จากการที่บริษัทเล็งเห็นว่าปัจจุบันสินค้าจากผู้ผลิต OTOP และ SMEs ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในเชิงคุณภาพ การออกแบบรูปลักษณ์และบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก จึงมีความสนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัท ดังนั้นความร่วมมือกับ สสว. ในโครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากลครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายช่องทางการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ของวิสาหกิจชุมชน OTOP และ SMEs แล้ว ขณะเดียวกันบริษัทก็จะช่วยให้ข้อมูลความต้องการของตลาด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าได้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป
นางสาวพนิตพิชา ชินวัตร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ SMEs ภูมิภาค สสว. กล่าวว่า ศักยภาพของสินค้าไทยในระดับ SMEs และ OTOP นั้น ถือได้ว่าสินค้าประเภทหัตถกรรม และอาหาร ประเภทเครื่องปรุงรส ผลไม้กระป๋อง และอาหารสัตว์ เป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันกับตลาดจีนได้ เนื่องจากต่างชาติยอมรับในคุณภาพ และมาตรฐานการผลิต ดังนั้นทางสสว. จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนา และผลักดันสินค้าเหล่านี้ให้แข่งขันกับต่างชาติ โดยอาศัยช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางธนาวัธน์อุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการไทยอีกทางหนึ่ง