รัฐบาล มอบนโยบายสสว. ผลักดันเอสเอ็มอีไทยเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาเศรษฐกิจอาเซียน ในระยะเวลาที่อีกเพียง 6 ปี ด้านสสว. ตั้ง 4 โครงการหลัก พัฒนาต้นแบบธุรกิจผ้าทอเชื่อมโยงอาเซียน ยุทธการฝูงห่าน พลิกวิกฤต แก้ปัญหา เพิ่มขีดความสามารถช่องทางตลาด สร้างเครือข่ายอุตฯก่อสร้างอาเซียนสู่ระดับนานาชาติ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 287 ล้านบาท
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะผลักดันให้SMEs ไทยเข้าถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อสนับสนุนSMEs เข้าสู่ตลาดอาเซียน ภายในปี 2558 ซึ่งเหลือเวลาอีก 6 ปี ที่ประเทศไทย และประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศ จะรวมตัวกันเป็นประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ทาง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ดำเนินโครงการตามแนวคิดดังกล่าว
สำหรับทั้ง 4 โครงการนั้นจะมีกรอบในการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1. ต้องแก้วิกฤตเร่งด่วน 2. ต้องเพิ่มรายได้ และรักษาการจ้างงาน 3. ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ และ ต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ส่วนการแก้ปัญหาของเอสเอ็มอีในช่วงนี้ ทางคณะรัฐมนตรี ได้ผ่านความเห็นชอบให้ทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่อนปรนการชำระหนี้ออกไปอีก 3 ปี พร้อมสนับสนุนงบประมาณ 500 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ทางสสว.ได้รับมอบหมายนโยบายจากทางนายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ประยุกต์ใช้ทฤษฎียุทธการฝูงห่าน ( Flying Geese Model) หรือการให้บริษัทใหญ่จับมือกับบริษัทเล็กออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยสสว.ได้เสนอ 4 โครงการด้วยงบประมาณ กว่า 287 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการต้นบแบบธุรกิจ SMEs และเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับคลัสเตอร์หัตถกรรมสู่สากล ตั้งงบประมาณ ไว้ 30 ล้านบาท โดยมุ่งไปที่ผ้าทอมือ เพราะในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมีการผลิตผ้าทอมือ ซึ่งจะมีผู้ประกอบการทั้งไทยและประเทศสมาชิกได้ประโยชน์กว่า 300,000 ราย
สำหรับ โครงการ 2. โครงการยุทธการฝูงห่าน SMEs โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกวิกฤต แก้ไขปัญหา และเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอี สาขากลุ่มเป้าหมาย เฟอร์นิเจอร์ หัตถกรรม พิมพ์สกรีน สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม สิ่งพิมพ์ อัญมณี และเครื่องประดับ หนังและผลิตภัณฑ์ ท่องเที่ยว และสาขาต่อเนื่องอาหารแปรรูป คาดว่าใช้งบประมาณ 147 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวน 21 หน่วยงาน และหน่วยงานพันธมิตรต่างประเทศ 5 หน่วยงานร่วมทำงาน คาดว่าผู้ประกอบการไทย่จะได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย ส่วนโครงการที่ 3 โครงการเงินทุนสนับสนุน SMEs สู่ตลาดอาเซียน โครงการนี้ ให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางการตลาดในการส่งออกสินค้าและบริการไปยังประเทศอาเซียนเอเชียตะวันออก หรือ อาเซียน บวก 6 โดยจะเงินทุนสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสามารถออกไปร่วมออกงานในภูมิภาค คาดว่าจะใช้งบ 90 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 4 โครงการเสริมสร้างเครือข่าย SMEs สู่ตลาดอาเซียน โครงการนี้ ต้องการให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือ และพันธมิตรทางธุรกิจ ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการในเครือข่าย เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลักดันให้อุตสาหกรรมก่อสร้างของบ้านเราให้สามารถก้าวไปสู่ระดับนานาชาติได้ โครงการนื้ตั้งงบประมาณไว้จำนวน 20 ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 300 ราย เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 450 คน
สำหรับทั้ง 4 โครงการมีระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะมีบริษัทใหญ่จับมือบริษัทเล็กนำร่องโครงการยุทธการฝูงห่าน 50 ราย เข้าสู่ตลาดอาเซียน โดยทางสสว.จะเปิดตัวโครงการยุทธการฝูงห่านในวันที่ 13-14 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.sme.go.th
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะผลักดันให้SMEs ไทยเข้าถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อสนับสนุนSMEs เข้าสู่ตลาดอาเซียน ภายในปี 2558 ซึ่งเหลือเวลาอีก 6 ปี ที่ประเทศไทย และประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศ จะรวมตัวกันเป็นประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ทาง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ดำเนินโครงการตามแนวคิดดังกล่าว
สำหรับทั้ง 4 โครงการนั้นจะมีกรอบในการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1. ต้องแก้วิกฤตเร่งด่วน 2. ต้องเพิ่มรายได้ และรักษาการจ้างงาน 3. ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ และ ต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ส่วนการแก้ปัญหาของเอสเอ็มอีในช่วงนี้ ทางคณะรัฐมนตรี ได้ผ่านความเห็นชอบให้ทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่อนปรนการชำระหนี้ออกไปอีก 3 ปี พร้อมสนับสนุนงบประมาณ 500 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ทางสสว.ได้รับมอบหมายนโยบายจากทางนายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ประยุกต์ใช้ทฤษฎียุทธการฝูงห่าน ( Flying Geese Model) หรือการให้บริษัทใหญ่จับมือกับบริษัทเล็กออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยสสว.ได้เสนอ 4 โครงการด้วยงบประมาณ กว่า 287 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการต้นบแบบธุรกิจ SMEs และเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับคลัสเตอร์หัตถกรรมสู่สากล ตั้งงบประมาณ ไว้ 30 ล้านบาท โดยมุ่งไปที่ผ้าทอมือ เพราะในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมีการผลิตผ้าทอมือ ซึ่งจะมีผู้ประกอบการทั้งไทยและประเทศสมาชิกได้ประโยชน์กว่า 300,000 ราย
สำหรับ โครงการ 2. โครงการยุทธการฝูงห่าน SMEs โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกวิกฤต แก้ไขปัญหา และเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอี สาขากลุ่มเป้าหมาย เฟอร์นิเจอร์ หัตถกรรม พิมพ์สกรีน สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม สิ่งพิมพ์ อัญมณี และเครื่องประดับ หนังและผลิตภัณฑ์ ท่องเที่ยว และสาขาต่อเนื่องอาหารแปรรูป คาดว่าใช้งบประมาณ 147 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวน 21 หน่วยงาน และหน่วยงานพันธมิตรต่างประเทศ 5 หน่วยงานร่วมทำงาน คาดว่าผู้ประกอบการไทย่จะได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย ส่วนโครงการที่ 3 โครงการเงินทุนสนับสนุน SMEs สู่ตลาดอาเซียน โครงการนี้ ให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางการตลาดในการส่งออกสินค้าและบริการไปยังประเทศอาเซียนเอเชียตะวันออก หรือ อาเซียน บวก 6 โดยจะเงินทุนสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสามารถออกไปร่วมออกงานในภูมิภาค คาดว่าจะใช้งบ 90 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 4 โครงการเสริมสร้างเครือข่าย SMEs สู่ตลาดอาเซียน โครงการนี้ ต้องการให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือ และพันธมิตรทางธุรกิจ ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการในเครือข่าย เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลักดันให้อุตสาหกรรมก่อสร้างของบ้านเราให้สามารถก้าวไปสู่ระดับนานาชาติได้ โครงการนื้ตั้งงบประมาณไว้จำนวน 20 ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 300 ราย เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 450 คน
สำหรับทั้ง 4 โครงการมีระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะมีบริษัทใหญ่จับมือบริษัทเล็กนำร่องโครงการยุทธการฝูงห่าน 50 ราย เข้าสู่ตลาดอาเซียน โดยทางสสว.จะเปิดตัวโครงการยุทธการฝูงห่านในวันที่ 13-14 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.sme.go.th