สสว. เผย จากการประกวดร้านอาหารไทย “ คุณคือผู้ประกอบการ SMEs” มืออาชีพ พบร้านอาหารไทยรุ่นเก่าที่เปิดมานานกว่า 15 ปี ยังขาดการบริหารจัดการ การตลาดรวมทั้งไม่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่างจากร้านของคนรุ่นใหม่ ที่เข้าใจมาตรฐานการประกอบอาชีพในด้านความสะอาด เน้นที่รสชาติ และให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าของตนเอง
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สสว. ได้จัดกิจกรรมคุณคือผู้ประกอบการ SMEs มืออาชีพ (The SMEs Professional) ดำเนินการเฟ้นหาร้านอาหารที่มีความเป็นมืออาชีพ จากการประกวดทำอาหาร 8 ประเภท คือ ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไทย แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิ แกงส้ม ต้มข่าไก่ และยำวุ้นเส้นทะเล โดยได้ผู้ที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกทั้งสองรอบเรียบร้อยแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 40 ร้าน จาก 5 ภูมิภาค ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการฯ ได้ออกไปตรวจเยี่ยมและให้คะแนนร้านอาหารในหลายภูมิภาค พบว่า ร้านอาหารหลายร้านยังขาดการบริหารจัดการร้านที่ดี ไม่มีการวางแผนด้านการตลาด อีกทั้งยังไม่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในด้านรสชาติและการตกแต่งให้ดูน่ารับประทาน จึงทำให้บางร้านที่ดำเนินกิจการมากว่า 15 ปี ไม่สามารถปรับปรุงร้านให้ทันสมัย และไม่สามารถบริหารต้นทุนได้ดีเท่ากับร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการร้านอาหารเปิดใหม่เหล่านั้น รู้จักหลักการบริหารจัดการต้นทุนการประกอบการ เข้าใจมาตรฐานการประกอบอาชีพในด้านความสะอาด เน้นที่รสชาติ และให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าของตนเอง
ร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันนี้ เป็นร้านที่ได้คะแนนสูงสุดจากการประเมิน ณ สถานประกอบการในหลายด้าน ประกอบด้วย การประเมินด้านการบริหารจัดการร้าน ด้านการประกอบอาหาร ด้านการบริการ ด้านการวางแผนการตลาด และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการพิจาณาในรายละเอียดของ ความสะอาดครัว การแต่งกายของผู้ประกอบอาหาร บริเวณจัดเตรียมอาหาร การเก็บรักษาคุณภาพวัตถุดิบ การกำจัดของเสีย สภาพการจัดตกแต่งร้าน ห้องสุขาของร้านอาหาร
“สำหรับทางด้านการตลาด มีเกณฑ์การพิจารณาเรื่องการนำเสนอจุดเด่นหรือจุดขายของร้าน การมีแผนงานที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน มีการวางแผนการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายให้เหมาะสมกับฤดูกาล พิจารณาถึงความคิดสร้างสรรค์ในการประยุกต์อาหารให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการประชาสัมพันธ์ร้านค้า”
หลังจากที่ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการร้านอาหารไทยมืออาชีพ ณ สถานประกอบการไปแล้วทั้งสองรอบนั้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จะเข้ามาแข่งขันกันในด้านรสชาติ โดยจะจัดให้มีการประกวดการประกอบอาหารจริงทั้ง 8 ประเภท อีกครั้งในระยะเวลาที่กำหนด โดยในรอบนี้ เกณฑ์การตัดสินจะมุ่งเน้นไปที่รสชาติของอาหาร ความอร่อย ขั้นตอนการประกอบอาหาร ความสะอาด การแต่งกายของผู้ปรุง การใช้เวลาในการประกอบอาหาร และความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตกแต่งอาหารให้น่ารับประทาน
สำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดในแต่ละประเภทอาหารจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รองชนะเลิศ ลำดับที่ 1 จะได้รับ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ 2 จะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร และสำหรับรางวัลชมเชย จะได้รับเงินรางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
“จากการที่ สสว. จัดกิจกรรมเฟ้นหาร้านอาหารไทย “คุณคือผู้ประกอบการ SMEs” มืออาชีพ ครั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในภาคบริการประเภทกิจการร้านอาหาร ให้พัฒนาศักยภาพของตนเอง มีการคิดค้นและสร้างสรรค์การบริการใหม่ ประยุกต์อาหารพื้นบ้านประจำภาคต่างๆ ให้เป็นอาหารที่มีรูปแบบและมาตรฐานสากลมากขึ้น เพื่อสร้างการยอมรับอาหารไทย โดย สสว. มุ่งสร้างร้านอาหารตัวอย่างที่มีความเป็นมืออาชีพ ด้วยการนำระบบบริหารจัดการที่ดีมาใช้ สนับสนุนการสร้างตราสินค้า เสริมสร้างช่องทางและโอกาสทางการตลาด ให้ธุรกิจร้านอาหารไทยมีศักยภาพและมีมาตรฐาน นำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป” นายภักดิ์กล่าวในท้ายที่สุด
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สสว. ได้จัดกิจกรรมคุณคือผู้ประกอบการ SMEs มืออาชีพ (The SMEs Professional) ดำเนินการเฟ้นหาร้านอาหารที่มีความเป็นมืออาชีพ จากการประกวดทำอาหาร 8 ประเภท คือ ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไทย แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิ แกงส้ม ต้มข่าไก่ และยำวุ้นเส้นทะเล โดยได้ผู้ที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกทั้งสองรอบเรียบร้อยแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 40 ร้าน จาก 5 ภูมิภาค ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการฯ ได้ออกไปตรวจเยี่ยมและให้คะแนนร้านอาหารในหลายภูมิภาค พบว่า ร้านอาหารหลายร้านยังขาดการบริหารจัดการร้านที่ดี ไม่มีการวางแผนด้านการตลาด อีกทั้งยังไม่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในด้านรสชาติและการตกแต่งให้ดูน่ารับประทาน จึงทำให้บางร้านที่ดำเนินกิจการมากว่า 15 ปี ไม่สามารถปรับปรุงร้านให้ทันสมัย และไม่สามารถบริหารต้นทุนได้ดีเท่ากับร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการร้านอาหารเปิดใหม่เหล่านั้น รู้จักหลักการบริหารจัดการต้นทุนการประกอบการ เข้าใจมาตรฐานการประกอบอาชีพในด้านความสะอาด เน้นที่รสชาติ และให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าของตนเอง
ร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันนี้ เป็นร้านที่ได้คะแนนสูงสุดจากการประเมิน ณ สถานประกอบการในหลายด้าน ประกอบด้วย การประเมินด้านการบริหารจัดการร้าน ด้านการประกอบอาหาร ด้านการบริการ ด้านการวางแผนการตลาด และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการพิจาณาในรายละเอียดของ ความสะอาดครัว การแต่งกายของผู้ประกอบอาหาร บริเวณจัดเตรียมอาหาร การเก็บรักษาคุณภาพวัตถุดิบ การกำจัดของเสีย สภาพการจัดตกแต่งร้าน ห้องสุขาของร้านอาหาร
“สำหรับทางด้านการตลาด มีเกณฑ์การพิจารณาเรื่องการนำเสนอจุดเด่นหรือจุดขายของร้าน การมีแผนงานที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน มีการวางแผนการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายให้เหมาะสมกับฤดูกาล พิจารณาถึงความคิดสร้างสรรค์ในการประยุกต์อาหารให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการประชาสัมพันธ์ร้านค้า”
หลังจากที่ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการร้านอาหารไทยมืออาชีพ ณ สถานประกอบการไปแล้วทั้งสองรอบนั้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จะเข้ามาแข่งขันกันในด้านรสชาติ โดยจะจัดให้มีการประกวดการประกอบอาหารจริงทั้ง 8 ประเภท อีกครั้งในระยะเวลาที่กำหนด โดยในรอบนี้ เกณฑ์การตัดสินจะมุ่งเน้นไปที่รสชาติของอาหาร ความอร่อย ขั้นตอนการประกอบอาหาร ความสะอาด การแต่งกายของผู้ปรุง การใช้เวลาในการประกอบอาหาร และความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตกแต่งอาหารให้น่ารับประทาน
สำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดในแต่ละประเภทอาหารจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รองชนะเลิศ ลำดับที่ 1 จะได้รับ เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ 2 จะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร และสำหรับรางวัลชมเชย จะได้รับเงินรางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
“จากการที่ สสว. จัดกิจกรรมเฟ้นหาร้านอาหารไทย “คุณคือผู้ประกอบการ SMEs” มืออาชีพ ครั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในภาคบริการประเภทกิจการร้านอาหาร ให้พัฒนาศักยภาพของตนเอง มีการคิดค้นและสร้างสรรค์การบริการใหม่ ประยุกต์อาหารพื้นบ้านประจำภาคต่างๆ ให้เป็นอาหารที่มีรูปแบบและมาตรฐานสากลมากขึ้น เพื่อสร้างการยอมรับอาหารไทย โดย สสว. มุ่งสร้างร้านอาหารตัวอย่างที่มีความเป็นมืออาชีพ ด้วยการนำระบบบริหารจัดการที่ดีมาใช้ สนับสนุนการสร้างตราสินค้า เสริมสร้างช่องทางและโอกาสทางการตลาด ให้ธุรกิจร้านอาหารไทยมีศักยภาพและมีมาตรฐาน นำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป” นายภักดิ์กล่าวในท้ายที่สุด
