สสว.เผยพิษน้ำมันแพงทำธุรกิจร้านอาหาร และภาคบริการ ปิดตัวกว่า 4,000 ราย/เดือน แนะผู้ประกอบการลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนขนส่ง-การตลาด เตรียมจับมือภาคเอกชน ตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่างๆ หวังแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คาดแล้วเสร็จ ก.ย. นี้ ส่วนจีดีพี เอสเอ็มอีไทย ปีนี้โต 4% ใกล้เคียงปีที่แล้ว
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยในการประชุมเสวนาเรื่อง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมวิศวการเพื่อต่อยอดนวัตกรรม” โดยร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคมนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สมาคมเครื่องจักรกลไทย สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้ประสบปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และราคาน้ำมันที่ไม่มีทีท่าจะลดต่ำลง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มบริการ ได้แก่ ร้านอาหาร การท่องเที่ยว และภาคการขนส่ง โดยที่ผ่านมามีการปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 4,000-5,000 ราย แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ประกอบการในกลุ่มบริการเกิดขึ้นใหม่เช่นกันประมาณ 10,000 ราย ซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องปิดตัวลงเกิดจากการแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการงดการรับประทานอาหารนอกบ้าน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการด้านบริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ในฐานะที่ สสว. เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยตรง จึงเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการใช้ความรู้และปัญญาเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อฉีกตัวหนีการแข่งขันทางราคา รวมทั้งการเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่อให้มีต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งอุตสาหกรรมวิศวการเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญยิ่งต่อการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างและโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เน้นความสำคัญในด้านการออกแบบและพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีขั้นก้าวหน้าแล้ว อุตสาหกรรมวิศวการยิ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์” นายภักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางสสว.แนะผู้ประกอบการปรับตัวในเบื้องต้น ให้พร้อมรับมือกับวิกฤตดังกล่าว เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ ใน 4 ด้านคือ ด้านการจัดการ ลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนโลจิสติกส์ในโรงงาน และดูแลต้นทุนการตลาด โดยขณะนี้ทาง สสว.อยู่ระหว่างร่วมมือกับภาคเอกชน โดยจัดทำแนวทางเพื่อนำไปสู่การริเริ่มทำยุทธศาสตร์และแผนที่นำทาง เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมวิศวการในลักษณะคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่าง ๆ ของประเทศอย่างเป็นระบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
สำหรับตัวเลขจีดีพีธุรกิจเอสเอ็มอีไทย นายภักดิ์ คาดว่า จะมีโอกาสเติบโตขึ้นได้ประมาณ 3-4% หรือมีมูลค่าประมาณ 3.8-3.9 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ต่ำกว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5
