คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจอนุมัติเพิ่มทุนให้ ธสน. 5,000 ล้านบาท ช่วยผู้ส่งออกค้ำ และเพิ่มทุนให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อีก 3,000 ล้านบาท เพื่อค้ำประกันการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งทุนเพื่อเพิ่มทุนให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ค้ำประกันการส่งออกให้ผู้ส่งออก ช่วยสร้างมูลค่าการส่งออกในปีนี้เพิ่มขึ้น 100,000-150,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้จัดหาแหล่งทุนเพื่อใช้เพิ่มทุนให้ บสย. วงเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ศักยภาพการค้ำประกันของ บสย.เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท และจะทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้นนับแสนล้านบาท เนื่องจากสถาบันการเงินคลายความวิตกกังวลจากความเสี่ยงในการปล่อยกู้ที่เกิดจากเศรษฐกิจถดถอย เพราะมีองค์กรเข้ามาช่วยรับภาระความเสี่ยง
นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับค่าธรรมเนียมจากการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบจะอยู่เท่าเดิมที่ร้อยละ 1.75 ของวงเงินสินเชื่อเท่าเดิม แต่จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น จากเดิมธนาคารจะไม่กล้าปล่อยกู้เนื่องจากกังวลจากความเสี่ยงในปัจจุบัน โดยธนาคารต่าง ๆ จะส่งข้อมูลผู้ประกอบการให้ บยส.พิจารณาค้ำประกันเป็นรายกลุ่มแทนการพิจารณาเป็นรายเดียว เพื่อแบ่งรับภาระความเสี่ยงจากหนี้เสียได้ง่ายและเป็นธรรม ซึ่งหากสถาบันการมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เกินร้อยละ 18 บยส.จะไม่เข้าไปร่วมรับภาระความเสี่ยงจากหนี้เสียดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินมีความรอบคอบในการส่งลูกหนี้มาให้ค้ำประกันสินเชื่อ
ด้านนายไพทูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวยอมรับว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเลิกจ้างมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ในครัวเรือน สิ่งทอ และเครื่องจักร อาจทำให้มีผู้ว่างงานในปีนี้ถึง 450,000 คน จึงเร่งเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งด้านเงินทุนและการช่วยฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมได้กำชับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดูแลปัญหาแรงงาน โดยในส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมประสานกับสถาบันการเงินให้ช่วยดูแลผู้ประกอบการ หากผู้ประกอบการรายใดขาดการชำระหนี้ 3-6 เดือน จะต้องไปดูว่ามีปัญหาสภาพคล่องหรือไม่
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งทุนเพื่อเพิ่มทุนให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ค้ำประกันการส่งออกให้ผู้ส่งออก ช่วยสร้างมูลค่าการส่งออกในปีนี้เพิ่มขึ้น 100,000-150,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้จัดหาแหล่งทุนเพื่อใช้เพิ่มทุนให้ บสย. วงเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ศักยภาพการค้ำประกันของ บสย.เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท และจะทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้นนับแสนล้านบาท เนื่องจากสถาบันการเงินคลายความวิตกกังวลจากความเสี่ยงในการปล่อยกู้ที่เกิดจากเศรษฐกิจถดถอย เพราะมีองค์กรเข้ามาช่วยรับภาระความเสี่ยง
นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับค่าธรรมเนียมจากการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบจะอยู่เท่าเดิมที่ร้อยละ 1.75 ของวงเงินสินเชื่อเท่าเดิม แต่จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น จากเดิมธนาคารจะไม่กล้าปล่อยกู้เนื่องจากกังวลจากความเสี่ยงในปัจจุบัน โดยธนาคารต่าง ๆ จะส่งข้อมูลผู้ประกอบการให้ บยส.พิจารณาค้ำประกันเป็นรายกลุ่มแทนการพิจารณาเป็นรายเดียว เพื่อแบ่งรับภาระความเสี่ยงจากหนี้เสียได้ง่ายและเป็นธรรม ซึ่งหากสถาบันการมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เกินร้อยละ 18 บยส.จะไม่เข้าไปร่วมรับภาระความเสี่ยงจากหนี้เสียดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินมีความรอบคอบในการส่งลูกหนี้มาให้ค้ำประกันสินเชื่อ
ด้านนายไพทูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวยอมรับว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเลิกจ้างมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ในครัวเรือน สิ่งทอ และเครื่องจักร อาจทำให้มีผู้ว่างงานในปีนี้ถึง 450,000 คน จึงเร่งเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งด้านเงินทุนและการช่วยฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมได้กำชับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดูแลปัญหาแรงงาน โดยในส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมประสานกับสถาบันการเงินให้ช่วยดูแลผู้ประกอบการ หากผู้ประกอบการรายใดขาดการชำระหนี้ 3-6 เดือน จะต้องไปดูว่ามีปัญหาสภาพคล่องหรือไม่