ธอส. โอดคลังไม่เพิ่มทุนให้ ส่งผลกันสำรองไม่เพียงพอเล็งขอขยายเวลาใช้ IAS 39 ออกไปอีก 2-3 ปี เผยแบงก์พาณิชย์แข่งเดือดปล่อยกู้ดอกเบี้ยยั่วยุ หวั่นลูกค้าหันรีไฟแนนท์ไปแบงก์อื่น เตรียมเปิดโต๊ะเจรจารายกรณี
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงคลังไม่อนุมัติเพิ่มทุนจำนวน 10,000 บาท ที่ธอส.ได้ขอไป เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจของธอส. นอกจากนี้ธอส.ยังประสบปัญหาจากการกันเม็ดเงินส่วนหนึ่ง เพื่อตั้งกันสำรองหนี้เสียตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (ไอเอเอส 39) ทำให้ไม่สามารถขยายการลงทุนหรือเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดการเงินได้
นอกจากนี้โดยศักยภาพของธอส.เองไม่สามารถตั้งกันสำรองได้ครอบคลุมหนี้เสียที่มีอยู่ เนื่องจากปัจจุบันธอส.มีเอ็นพีแอลประมาณ 10% ซึ่งต้องตั้งกันสำรองปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท และเมื่อคำนวณตามมาตรฐานไอเอเอส 39 จะทำธอส.มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอีก 3-4%
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงการคลังไม่อนุมัติให้ธอส.เพิ่มทุน ดังนั้นธอส.จะมีได้มีการเสนอกระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการกันสำรองตามมาตรฐานไอเอเอส 39 ออกไปอีก จากเดิมให้เริ่มใช้ในสิ้นปี 2552 ไปเป็นปี 2554-2555 ส่วนในปีนี้ธอส.คาดว่าจะสามารถตั้งกันสำรองได้ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของธอส.ลดลงเหลือประมาณ 1,700-1,800 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในปีนี้จะมีกำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท
สำหรับภาวการณ์ปล่อยกู้ในปัจจุบัน มีการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์อย่างมาก โดยนำสินเชื่อแบบยั่วยวนหรืออัตราดอกเบี้ยในช่วง 1-2 ปีแรกถูกมาก ทำให้ประชาชนหันไปยื่นกู้ แต่เมื่อเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะมีอัตราที่เท่ากับหรือแพงกว่าธนาคารทั่วไป ดังนั้นจึงต้องการให้ประชาชนคำนวณอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวก่อนยื่นขอสินเชื่อ โดยในส่วนของธอส.การปล่อยสินเชื่อในเดือนพฤษภาคมมีจำนวนไม่มากนัก ส่วนหนึ่งลูกค้ารอดูสถานการณ์ และมีบางส่วนที่รีไฟแนนท์ไปธนาคารแห่งอื่น ซึ่งธอส.ได้ใช้วิธีเจรจาเป็นรายกรณี หากเป็นลูกค้าชั้นดีก็จะพิจารณาเป็นก็จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้บ้างขึ้นอยู่กับความจำเป็นของลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความห่วงใยในเรื่องค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเหตุให้ประชาชนมีเงินไม่เพียงพอต่อการชำระเงินกู้รายเดือน จนเกิดปัญหาเอ็นพีแอลในภายหลังได้ ดังนั้นจึงต้องการให้ลูกค้าของธอส.ที่มีปัญหาในการผ่อนชำระเงินกู้ให้รีบมาเจรจาหรือปรึกษากับธอส. เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันก่อนที่จะเกิดเป็นเอ็นพีแอลเกิดขึ้นในภายหลังได้
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงคลังไม่อนุมัติเพิ่มทุนจำนวน 10,000 บาท ที่ธอส.ได้ขอไป เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจของธอส. นอกจากนี้ธอส.ยังประสบปัญหาจากการกันเม็ดเงินส่วนหนึ่ง เพื่อตั้งกันสำรองหนี้เสียตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (ไอเอเอส 39) ทำให้ไม่สามารถขยายการลงทุนหรือเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดการเงินได้
นอกจากนี้โดยศักยภาพของธอส.เองไม่สามารถตั้งกันสำรองได้ครอบคลุมหนี้เสียที่มีอยู่ เนื่องจากปัจจุบันธอส.มีเอ็นพีแอลประมาณ 10% ซึ่งต้องตั้งกันสำรองปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท และเมื่อคำนวณตามมาตรฐานไอเอเอส 39 จะทำธอส.มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอีก 3-4%
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงการคลังไม่อนุมัติให้ธอส.เพิ่มทุน ดังนั้นธอส.จะมีได้มีการเสนอกระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการกันสำรองตามมาตรฐานไอเอเอส 39 ออกไปอีก จากเดิมให้เริ่มใช้ในสิ้นปี 2552 ไปเป็นปี 2554-2555 ส่วนในปีนี้ธอส.คาดว่าจะสามารถตั้งกันสำรองได้ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของธอส.ลดลงเหลือประมาณ 1,700-1,800 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในปีนี้จะมีกำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท
สำหรับภาวการณ์ปล่อยกู้ในปัจจุบัน มีการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์อย่างมาก โดยนำสินเชื่อแบบยั่วยวนหรืออัตราดอกเบี้ยในช่วง 1-2 ปีแรกถูกมาก ทำให้ประชาชนหันไปยื่นกู้ แต่เมื่อเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะมีอัตราที่เท่ากับหรือแพงกว่าธนาคารทั่วไป ดังนั้นจึงต้องการให้ประชาชนคำนวณอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวก่อนยื่นขอสินเชื่อ โดยในส่วนของธอส.การปล่อยสินเชื่อในเดือนพฤษภาคมมีจำนวนไม่มากนัก ส่วนหนึ่งลูกค้ารอดูสถานการณ์ และมีบางส่วนที่รีไฟแนนท์ไปธนาคารแห่งอื่น ซึ่งธอส.ได้ใช้วิธีเจรจาเป็นรายกรณี หากเป็นลูกค้าชั้นดีก็จะพิจารณาเป็นก็จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้บ้างขึ้นอยู่กับความจำเป็นของลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความห่วงใยในเรื่องค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเหตุให้ประชาชนมีเงินไม่เพียงพอต่อการชำระเงินกู้รายเดือน จนเกิดปัญหาเอ็นพีแอลในภายหลังได้ ดังนั้นจึงต้องการให้ลูกค้าของธอส.ที่มีปัญหาในการผ่อนชำระเงินกู้ให้รีบมาเจรจาหรือปรึกษากับธอส. เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันก่อนที่จะเกิดเป็นเอ็นพีแอลเกิดขึ้นในภายหลังได้
