เวลาผมไปสอน หรือไปเจอกับผู้ประกอบการ หลายๆคนมักจะถามผมว่า หากจะขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ ควรจะขายอะไรดี?
ผมเองจะถามกลับว่า คุณมีสินค้าแล้วรึยัง?
หลายคนก็จะบอกว่า มีธุรกิจอยู่แล้ว และต้องการนำธุรกิจหรือสินค้า-บริการเข้ามาสู่ Internet
และอีกส่วนใหญ่จะบอกว่า ยังไม่มีธุรกิจหรือสินค้าเลย แต่อยากจะรู้ว่าขายอะไรผ่านอินเทอร์เน็ต หรือทำ E-Commerce ขายอะไรดี
วันนี้ผมจะมาให้ไอเดียและคำแนะนำว่า สินค้าประเภทไหนที่เหมาะจะขายผ่านเว็บไซต์
ลองมาดูกันนะครับ
1. สินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด
หากคุณสามารถหาแหล่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด นั้นหมายถึงความได้เปรียบในการขาย เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่า นั้นจะช่วยทำให้ผู้ซื้อสนใจและจดจำร้านค้าคุณได้ รวมถึงการบอกต่อไปยังคนอื่นๆได้อีกด้วย
แต่หากคุณขายสินค้าผ่านอินเทอรเน็ตหรือเว็บไซต์เป็นหลัก คุณก็สามารถลดต้นทุนไปได้มากแล้ว เพราะไม่ต้องมาเสียค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน เพราะคุณสามารถทำเองได้หมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องตั้งราคาสูงเท่ากับร้านค้าทั่วไป
หรือบางคนอาจจะรู้แหล่งสินค้าราคาถูกในท้องถิ่นของคุณ ซึ่งหากสินค้าชิ้นนั้นไปขายที่อื่น ก็จะสามารถขายได้ราคาดีกว่า เช่น คุณอาจจะอยู่จังหวัดขอนแก่น ใกล้แหล่งผ้าไหม คุณก็อาจจะเปิดร้านขายผ้าไหมลวดลายพิเศษ หายาก ผ่านเว็บไซต์ไปยังทั่วประเทศและต่างประเทศก็ได้
นี้คือตัวอย่างคร่าวๆ
ทีนี้ก็ลองมานึกดูสิครับว่า ใกล้ๆตัวคุณมีแหล่งสินค้าราคาถูกอะไรบ้าง ที่สามารถนำมาขายได้
2. สินค้าเฉพาะกลุ่ม
สินค้าที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยไม่ได้เน้นไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มคนทั่วไป (Mass Market) เช่น สินค้าสำหรับคนอ้วน, สินค้าสำหรับคนท้อง, สินค้าสำหรับแม่, สินค้าสำหรับเจ้าสาว-คู่แต่งงาน, สินค้าสำหรับเกย์ หรือกระเทย เป็นต้น ก็น่าสนใจ
การที่เราจับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม จะทำให้เราสามารถเจาะและเข้าถึงลูกค้าเฉพาะได้ง่ายมาก หากลุ่มลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย และนั้นหมายถึงโอกาสการขายก็มีมากกว่าการที่เราไปเปิดเว็บไซต์ขายของเหมือนคนทั่วไป
ตลาดกลุ่มนี้จะเป็นตลาดเฉพาะ กลุ่มอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าคุณจับและเข้าถึงได้แล้ว ยอดขายน่าจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องครับ
3. สินค้า "ไม่" ยอดนิยม
ลองหาสินค้าที่ "ไม่ค่อยนิยม" ลองมาขายดู เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์ต่างๆ ชอบขายสินค้าที่ "นิยม" ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันในสินค้าประเภทนี้มาก ทำให้โอกาสสินค้าของคุณจะเป็นที่รู้จัก เป็นได้ยาก
แต่หากคุณเน้นไปที่ สินค้าไม่เด่น ก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า เช่น เปิดเว็บไซต์ขายเทปเพลงเก่า พระเครื่อง รุ่นที่ไม่ค่อยมีคนนิยม
4. สินค้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
สินค้าบางอย่างผู้ซื้อไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน เพราะอาจจะมีความอาย หรือไม่ต้องการให้ผู้ขายรู้จักหรือเห็นหน้า
ดังนั้นการซื้อผ่านเว็บไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูจะเป็นช่องทางที่หลายๆคนเลือกใช้ในการซื้อสินค้าลักษณะนี้ เช่น สินค้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ, ถุงยางอนามัย, อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ, ชุดชั้นใน Sexy เป็นต้น
5. สินค้ามีสไตล์เฉพาะตัว (Unique)
หากสินค้าหรือบริการของคุณ มีความเฉพาะตัว แตกต่าง ไม่เหมือนใคร (Unique) ก็สามารถขายได้ดีเช่นกัน เพราะลูกค้าไม่สามารถหาซื้อที่อื่นๆได้นอกจากของคุณเท่านั้น เช่น เสื้อผ้า ลายผ้า ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว, สินค้า Handmade ประเภทต่างๆ
แต่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า สินค้าของเราเป็นของดี มีคุณภาพ เพราะสินค้าลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่รู้จักมาก่อน หรือไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน
ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือ การทำให้ลูกค้ามั่นใจ และการให้รายละเอียดสินค้าที่เพียงพอ ครบถ้วน เช่นการมีรูปภาพเยอะๆ การให้รายละเอียดหรือคำอธิบายสินค้าเยอะๆ หรือมี VDO อธิบายสินค้า ดูน่าจะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจ และซื้อสินค้าลักษณะนี้ได้ไม่ยาก
6. สินค้าที่มีน้ำหนักเบา
การขายสินค้าที่มีน้ำหนักเบา จะมีความได้เปรียบในด้านการส่งสินค้าให้ลูกค้า เพราะจะส่งได้ง่ายกว่า ประหยัดกว่า โดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดเล็กๆ แต่มีราคา เช่น มีหลายคนๆขายสแตมป์เป็นชุด บางชุดมีราคาหลายพันบาทเลย ส่งง่ายเพราะแค่สอดเข้าซองจดหมายก็ส่งได้แล้ว
ดังนั้นสินค้าบางอย่างที่มีน้ำหนักเบา มีราคาสูง ก็อาจจะช่วยทำให้การค้าขายมีกำไรได้มาก แต่อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าที่มีการลงทะเบียนที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้เช่นกัน
7. สินค้าที่มีเรื่องราว
สินค้าหรือของที่มีเรื่องราว มีประวัติประกอบ จะทำให้สินค้าชิ้นนั้นๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น ผมอาจจะขายเครื่องปั้นดินเผา แต่ผมก็มีให้ข้อมูลและประวัติของ เครื่องปั้นดินเผาแต่ละชุดที่ผมขาย เป็นแบบจำลองมาจาก เครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย มีประวัติยาวนาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะแจ้งในเว็บไซต์ และแพ็กเกจที่ส่งไปให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ เครื่องปั้นดินเผาอันนี้มีมูลค่ามากกว่า เครื่องปั้นดินเผาธรรมดาๆ ที่ขายอยู่ทั่วไป
นี้คือข้อดีของสินค้าที่มีเรื่องราวอยู่ด้วย
8. สินค้าที่หายาก
สินค้าที่หายากย่อมมีคนต้องการ แต่เนื่องจากเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆเป็นไปได้ง่าย
ดังนั้นหากคุณขายสินค้าที่หายาก และทำให้คนสามารถหาเจอได้ง่ายๆในอินเทอร์เน็ต เช่น.คนค้นหา (search) เจอได้ง่าย โอกาสการขายก็เป็นไปได้ง่ายๆ
ยกตัวอย่างสินค้า เช่น พระเครื่องเก่าๆ, ของเก่า-ของสะสม ประเภทต่างๆ เป็นต้น
9. สินค้าที่สามารถทำด้วยตัวเอง (Do it yourself - DIY)
หลายๆคนชอบซื้อสินค้าที่สามารถซื้อไปแล้ว ไปทำเองได้ เช่น ชุดถักโครเช่ต์, ชุดทำอาหารง่ายๆ, อุปกรณ์แต่งบ้าน ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่เป็นลักษณะ ทำด้วยตัวเอง มักจะเป็นสินค้าที่ ฝรั่งชอบนิยมซื้อไปติดตั้งหรือทำด้วยตัวเอง
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่ช่วยทำให้คุณพอได้ไอเดีย ในการไปคิดต่อว่า เราจะขายสินค้าอะไรดี ผ่านเว็บไซต์ไปยังคนทั่วโลก
แต่อย่าลืมนะครับ สินค้าเป็นเพียงแค่ "องค์ประกอบ" หนึ่งเท่านั้น
การจะขายของบนอินเทอร์เน็ตให้ได้นั้น จะประกอบไปด้วยอีกหลายๆปัจจัยด้วยกัน เช่น ความน่าเชื่อถือ (Trust), การตลาด (Marketing), การรู้จักและรักษาลูกค้า (CRM) และอื่นๆ อีกมาก
ดังนั้นหลังจากคุณหาสินค้าได้แล้ว ก็เริ่มมาทำปัจจัยในการค้าขายออนไลน์ให้สมบูรณ์กันดีกว่าครับ
**** บทความโดย : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด / ข้อมูลจากนิตยสาร SMEs Today ฉบับเดือนมกราคม 2552 ******
ผมเองจะถามกลับว่า คุณมีสินค้าแล้วรึยัง?
หลายคนก็จะบอกว่า มีธุรกิจอยู่แล้ว และต้องการนำธุรกิจหรือสินค้า-บริการเข้ามาสู่ Internet
และอีกส่วนใหญ่จะบอกว่า ยังไม่มีธุรกิจหรือสินค้าเลย แต่อยากจะรู้ว่าขายอะไรผ่านอินเทอร์เน็ต หรือทำ E-Commerce ขายอะไรดี
วันนี้ผมจะมาให้ไอเดียและคำแนะนำว่า สินค้าประเภทไหนที่เหมาะจะขายผ่านเว็บไซต์
ลองมาดูกันนะครับ
1. สินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด
หากคุณสามารถหาแหล่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด นั้นหมายถึงความได้เปรียบในการขาย เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่า นั้นจะช่วยทำให้ผู้ซื้อสนใจและจดจำร้านค้าคุณได้ รวมถึงการบอกต่อไปยังคนอื่นๆได้อีกด้วย
แต่หากคุณขายสินค้าผ่านอินเทอรเน็ตหรือเว็บไซต์เป็นหลัก คุณก็สามารถลดต้นทุนไปได้มากแล้ว เพราะไม่ต้องมาเสียค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน เพราะคุณสามารถทำเองได้หมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องตั้งราคาสูงเท่ากับร้านค้าทั่วไป
หรือบางคนอาจจะรู้แหล่งสินค้าราคาถูกในท้องถิ่นของคุณ ซึ่งหากสินค้าชิ้นนั้นไปขายที่อื่น ก็จะสามารถขายได้ราคาดีกว่า เช่น คุณอาจจะอยู่จังหวัดขอนแก่น ใกล้แหล่งผ้าไหม คุณก็อาจจะเปิดร้านขายผ้าไหมลวดลายพิเศษ หายาก ผ่านเว็บไซต์ไปยังทั่วประเทศและต่างประเทศก็ได้
นี้คือตัวอย่างคร่าวๆ
ทีนี้ก็ลองมานึกดูสิครับว่า ใกล้ๆตัวคุณมีแหล่งสินค้าราคาถูกอะไรบ้าง ที่สามารถนำมาขายได้
2. สินค้าเฉพาะกลุ่ม
สินค้าที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยไม่ได้เน้นไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มคนทั่วไป (Mass Market) เช่น สินค้าสำหรับคนอ้วน, สินค้าสำหรับคนท้อง, สินค้าสำหรับแม่, สินค้าสำหรับเจ้าสาว-คู่แต่งงาน, สินค้าสำหรับเกย์ หรือกระเทย เป็นต้น ก็น่าสนใจ
การที่เราจับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม จะทำให้เราสามารถเจาะและเข้าถึงลูกค้าเฉพาะได้ง่ายมาก หากลุ่มลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย และนั้นหมายถึงโอกาสการขายก็มีมากกว่าการที่เราไปเปิดเว็บไซต์ขายของเหมือนคนทั่วไป
ตลาดกลุ่มนี้จะเป็นตลาดเฉพาะ กลุ่มอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าคุณจับและเข้าถึงได้แล้ว ยอดขายน่าจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องครับ
3. สินค้า "ไม่" ยอดนิยม
ลองหาสินค้าที่ "ไม่ค่อยนิยม" ลองมาขายดู เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์ต่างๆ ชอบขายสินค้าที่ "นิยม" ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันในสินค้าประเภทนี้มาก ทำให้โอกาสสินค้าของคุณจะเป็นที่รู้จัก เป็นได้ยาก
แต่หากคุณเน้นไปที่ สินค้าไม่เด่น ก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า เช่น เปิดเว็บไซต์ขายเทปเพลงเก่า พระเครื่อง รุ่นที่ไม่ค่อยมีคนนิยม
4. สินค้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
สินค้าบางอย่างผู้ซื้อไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน เพราะอาจจะมีความอาย หรือไม่ต้องการให้ผู้ขายรู้จักหรือเห็นหน้า
ดังนั้นการซื้อผ่านเว็บไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูจะเป็นช่องทางที่หลายๆคนเลือกใช้ในการซื้อสินค้าลักษณะนี้ เช่น สินค้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ, ถุงยางอนามัย, อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ, ชุดชั้นใน Sexy เป็นต้น
5. สินค้ามีสไตล์เฉพาะตัว (Unique)
หากสินค้าหรือบริการของคุณ มีความเฉพาะตัว แตกต่าง ไม่เหมือนใคร (Unique) ก็สามารถขายได้ดีเช่นกัน เพราะลูกค้าไม่สามารถหาซื้อที่อื่นๆได้นอกจากของคุณเท่านั้น เช่น เสื้อผ้า ลายผ้า ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว, สินค้า Handmade ประเภทต่างๆ
แต่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า สินค้าของเราเป็นของดี มีคุณภาพ เพราะสินค้าลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่รู้จักมาก่อน หรือไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน
ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือ การทำให้ลูกค้ามั่นใจ และการให้รายละเอียดสินค้าที่เพียงพอ ครบถ้วน เช่นการมีรูปภาพเยอะๆ การให้รายละเอียดหรือคำอธิบายสินค้าเยอะๆ หรือมี VDO อธิบายสินค้า ดูน่าจะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจ และซื้อสินค้าลักษณะนี้ได้ไม่ยาก
6. สินค้าที่มีน้ำหนักเบา
การขายสินค้าที่มีน้ำหนักเบา จะมีความได้เปรียบในด้านการส่งสินค้าให้ลูกค้า เพราะจะส่งได้ง่ายกว่า ประหยัดกว่า โดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดเล็กๆ แต่มีราคา เช่น มีหลายคนๆขายสแตมป์เป็นชุด บางชุดมีราคาหลายพันบาทเลย ส่งง่ายเพราะแค่สอดเข้าซองจดหมายก็ส่งได้แล้ว
ดังนั้นสินค้าบางอย่างที่มีน้ำหนักเบา มีราคาสูง ก็อาจจะช่วยทำให้การค้าขายมีกำไรได้มาก แต่อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าที่มีการลงทะเบียนที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้เช่นกัน
7. สินค้าที่มีเรื่องราว
สินค้าหรือของที่มีเรื่องราว มีประวัติประกอบ จะทำให้สินค้าชิ้นนั้นๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น ผมอาจจะขายเครื่องปั้นดินเผา แต่ผมก็มีให้ข้อมูลและประวัติของ เครื่องปั้นดินเผาแต่ละชุดที่ผมขาย เป็นแบบจำลองมาจาก เครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย มีประวัติยาวนาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะแจ้งในเว็บไซต์ และแพ็กเกจที่ส่งไปให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ เครื่องปั้นดินเผาอันนี้มีมูลค่ามากกว่า เครื่องปั้นดินเผาธรรมดาๆ ที่ขายอยู่ทั่วไป
นี้คือข้อดีของสินค้าที่มีเรื่องราวอยู่ด้วย
8. สินค้าที่หายาก
สินค้าที่หายากย่อมมีคนต้องการ แต่เนื่องจากเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆเป็นไปได้ง่าย
ดังนั้นหากคุณขายสินค้าที่หายาก และทำให้คนสามารถหาเจอได้ง่ายๆในอินเทอร์เน็ต เช่น.คนค้นหา (search) เจอได้ง่าย โอกาสการขายก็เป็นไปได้ง่ายๆ
ยกตัวอย่างสินค้า เช่น พระเครื่องเก่าๆ, ของเก่า-ของสะสม ประเภทต่างๆ เป็นต้น
9. สินค้าที่สามารถทำด้วยตัวเอง (Do it yourself - DIY)
หลายๆคนชอบซื้อสินค้าที่สามารถซื้อไปแล้ว ไปทำเองได้ เช่น ชุดถักโครเช่ต์, ชุดทำอาหารง่ายๆ, อุปกรณ์แต่งบ้าน ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่เป็นลักษณะ ทำด้วยตัวเอง มักจะเป็นสินค้าที่ ฝรั่งชอบนิยมซื้อไปติดตั้งหรือทำด้วยตัวเอง
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่ช่วยทำให้คุณพอได้ไอเดีย ในการไปคิดต่อว่า เราจะขายสินค้าอะไรดี ผ่านเว็บไซต์ไปยังคนทั่วโลก
แต่อย่าลืมนะครับ สินค้าเป็นเพียงแค่ "องค์ประกอบ" หนึ่งเท่านั้น
การจะขายของบนอินเทอร์เน็ตให้ได้นั้น จะประกอบไปด้วยอีกหลายๆปัจจัยด้วยกัน เช่น ความน่าเชื่อถือ (Trust), การตลาด (Marketing), การรู้จักและรักษาลูกค้า (CRM) และอื่นๆ อีกมาก
ดังนั้นหลังจากคุณหาสินค้าได้แล้ว ก็เริ่มมาทำปัจจัยในการค้าขายออนไลน์ให้สมบูรณ์กันดีกว่าครับ
**** บทความโดย : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด / ข้อมูลจากนิตยสาร SMEs Today ฉบับเดือนมกราคม 2552 ******