บสย. ปรับวิธีทำงาน หันใช้เชิงรุกเคาะประตูช่วยเอสเอ็มอีถึงหน้าบ้าน เตรียมส่งเจ้าหน้าที่เจรจาลูกค้าที่ต้องการค้ำประกัน พร้อมประสานแบงก์เอกชนช่วยให้ค้ำประกันได้มากขึ้น เผยอนาคตเสนอแก้กฎหมาย และปรับวิธีการทำงาน ช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้เร็ว และง่ายขึ้น
นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการบริหาร บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (บสย.) เปิดเผยว่า บสย.จะขยายการค้ำประกันเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น จากเดิมที่บสย. ต้องไปขอค้ำประกันสินเชื่อที่เป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ แต่นับจากนี้ไป บสย. จะหาลูกค้าด้วยตัวเอง โดยใช้พนักงาน บสย. จากสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ 10 แห่ง เข้าไปเจรจากับลูกค้าที่ต้องการให้ บสย. ค้ำประกัน และประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ที่จะมาปล่อยกู้ให้กับลูกค้าดังกล่าวด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางช่วยขยายการค้ำประกันให้กับลูกค้า บสย. ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ในอนาคตอาจจะมีการขอแก้กฎหมาย เพื่อให้ บสย. เข้าไปค้ำประกันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ได้รับต้นทุนที่ต่ำจากการระดมทุนในตลาดทุน เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมาก มีเครดิตไม่พอที่จะเข้าไประดมทุนในตลาด หรือเข้าไปก็ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน แต่หาก บสย. เข้าไปเสริมในส่วนนี้ได้ จะเป็นการเสริมโอกาสให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ต่ำมากขึ้น
นายพิชิต ระบุว่า ที่ผ่านมา บสย. ได้ค้ำประกันลูกค้าเป็นกลุ่มจากสถาบันการเงิน ซึ่งได้รับความสนใจจากธนาคารพาณิชย์ ที่ส่งลูกค้าเข้ามาค้ำจำนวนมาก ซึ่งเป็นวิธีการที่ส่งผลดีกับทั้งลูกค้าได้รับการค้ำที่รวดเร็ว ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อจำนวนมาก และบสย. สามารถบริหารความเสี่ยงได้ดี เพราะมีการกำหนดชัดเจน หากลูกหนี้เป็นหนี้เสียเกินกรอบที่ตกลง ทางสถาบันการเงินจะต้องช่วยรับผิดชอบ โดยวิธีการนี้จะไม่ทำให้ บสย. ขาดทุนในอนาคตเหมือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บสย.ยังต้องปรับปรุงเรื่องการบริหารภายในและการบริหารลูกค้าให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้ บสย. เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล
