“โอชา”จับหมูหยองยัดกระป๋อง รับตลาดของขวัญปีใหม่

ของขวัญเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงออกถึงการระลึกถึงกัน ในช่วงเทศกาลแห่งการมอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ การเลือกของขวัญมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ช่วงอายุ และวัยของผู้มอบและผู้รับ ซึ่งอาหารเป็นทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้านิยมนำไปมอบให้กัน รวมถึงการจัดกระเช้าอาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้ได้นาน อย่าง หมูหยอง กุนเชียง หมูกรอบ และน้ำพริกเผา ฯลฯ

ทั้งนี้ ในตลาดของสินค้าดังกล่าว มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการจัดกระเช้า ช่วงเทศกาลปีใหม่ออกมา เช่น เดียวกับสินค้าในกลุ่มอื่นๆ และสำหรับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ “ตราโอชา” ได้พัฒนารูปแบบ และแพคเกจจิ้งเพื่อให้เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญ รวมถึงการจัดกระเช้าให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ทุกปี

นายพยงค์ แซ่ลิ้ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.วาย.ฟู้ด เจ้าของผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์โอชา เล่าว่า ในส่วนของตลาดของขวัญปีใหม่ ที่ผ่านมาทางบริษัทเรายังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกมาซื้อเพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญกันเอง เพราะเห็นว่าเป็นอาหารแห้งที่เก็บได้นาน และประกอบกับในระยะหลังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถนำไปมอบเป็นของขวัญได้

โดยได้มีการนำสินค้าตัวหลักของเรา คือ หมูหยอง มาออกแบบในรูปของกระป๋อง ช่วยยืดอายุและสะดวกสบายในการพกพา ถือได้ว่าเราเป็นรายแรกก็ว่าได้ที่ได้มีการทำหมูหยองกระป๋องออกมาจำหน่าย และยังได้มีการจัดเป็นลักษณะกิฟท์เซ็ท ในกล่องกระดาษบรรจุ 12 กระป๋อง และในส่วนของสินค้าตัวอื่นๆ อย่าง กุนเชียง ไส้กรอก ฮอทดอก หมูยอ แหนม ฯ ลูกค้านิยมซื้อไปมอบให้กันและนำไปจัดกระเช้าในช่วงเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าที่เป็นแบรนด์โอชา นั้น ทางบริษัทได้ทำออกมาหลายเกรด แต่เกรดที่ได้รับความนิยม และนำมาจัดกระเช้า จะเป็นสินค้าในเกรด เอ ส่วนหนึ่งที่ทางบริษัทได้หันมาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และจัดทำกิ๊ฟฟ์เซ็ท ต้องการที่จะสร้างแบรนด์โอชา ว่า เราไม่ได้มีเพียงสินค้าเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่เรามีสินค้าเกรดคุณภาพ สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเท่ากับเป็นการโปรโมทสินค้าในส่วนนี้

นายพยงค์ เล่าว่า ทางบริษัทของเรา ดำเนินกิจการด้านการผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ มานานกว่า 20 ปี สินค้าหลัก คือ หมูหยอง โดยเริ่มจากการทำหมูหยอง ป้อนให้กับโรงงานเบเกอรี่ หลายแห่ง ซึ่งเป็นสินค้าอีกเกรดหนึ่ง เนื่องจากเป็นการผลิตในระบบอุตสาหกรรม จึงต้องการวัตถุดิบราคาไม่แพง เพราะเป็นการผลิตในระดับอุตสาหกรรม อีกทั้งยังรับจ้างผลิตให้กับลูกค้าที่ต้องการนำไปติดตรายี่ห้อของตนเองด้วย


“สำหรับการหันมาผลิตสินค้าเกรดคุณภาพ เพื่อขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค จุดประสงค์มาจากความต้องการจะสร้างชื่อและแบรนด์โอชาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังจากประสบความสำเร็จกับการทำตลาดในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งต้องยอมรับว่าตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ที่เป็นสินค้าเกรด คุณภาพเป็นตลาดการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีหลายยี่ห้อซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ดังนั้นการเข้าไปทำตลาดดังกล่าวจะต้องมีจุดขายที่แตกต่าง เราจึงใช้ตัวหมูหยองกระป๋องมาใช้ในการเปิดตัวสินค้าเข้าสู่ตลาดดังกล่าว”

และการทำหมูหยองกระป๋อง ส่งผลให้หมูหยองของเรามีราคาสูงมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ มาก แต่ลูกค้าก็ยอมรับได้ เพราะช่วยยืดอายุการเก็บรักษา และความสะดวกสบายในการรับประทาน ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ลูกค้านิยมซื้อไปมอบให้กัน เพราะออกแบบให้เหมาะกับการมอบเป็นของขวัญได้ เป็นการสร้างอิมเมจและยกระดับภาพลักษณ์โรงงานได้อีกทางหนึ่ง เพื่อแสดงเห็นถึงมาตรฐานของโรงงานสามารถผลิตสินค้าคุณภาพได้ดีไม่แพ้รายใดในตลาด

ส่วนช่องทางการขาย มีวางจำหน่ายตามร้านขายของฝากทั่วไป โดยยังไม่ยึดช่องทางการขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะต้องนำสินค้าเข้าไปวางในกลุ่มของอาหารกระป๋องที่ปัจจุบันมีการแข่งขันกันรุนแรง ของกลุ่มอาหารกระป๋องที่แย่งพื้นที่กันอยู่แล้ว และการที่เราจะวางสินค้าน้อยๆ ก็ไม่เป็นที่สนใจ เพราะตั้งอยู่ในจุดที่ไม่สะดุดตาลูกค้า

ขณะนี้อยู่ระหว่างว่า จะทำการตลาดในรูปแบบใด โดยที่มองและเตรียมแผนไว้คือ การหันมาบุกตลาดไส้กรอกคุณภาพดี ที่จะทำออกมาในรูปของแฟรนไชส์ คีออสก์ ไส้กรอกทอด ซึ่งอยู่ระหว่างการเซ็ทระบบ โดยตั้งงบการลงทุนของแฟรนไชส์ไว้ที่ 20,000 บาท ถึง 30,000 บาท การทำออกมาในรูปของแฟรนไชส์ นอกจากช่วยสร้างชื่อให้กับแบรนด์โอชาแล้ว ยังเป็นการกระจายสินค้าได้ถึงผู้บริโภคโดยตรง

ในส่วนของยอดขายของหมูหยองอยู่ที่วันละประมาณ 5 ตัน (5,000 กิโลกรัม) หมูที่นำมาใช้เป็นหมูชำแหละมาจากโรงเชือดหมูที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งยอดขายกว่า 80% เป็นการผลิตป้อนให้กับโรงงานเบเกอรี่ และ 20% เป็นการขายปลีก ตรงถึงผู้บริโภค ส่วนช่วงเทศกาลปีใหม่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาติดต่อซื้อถึงที่โรงงาน และเป็นลูกค้าประจำกัน โดยราคาหมูหยอง ถ้าเป็นเกรดที่ส่งโรงงานอุตสาหกรรมจะขายในกิโลกรัมละ 130 บาท ถึง 140 บาท ส่วนสินค้าในเกรดที่ขายปลีกโดยตรงถึงผู้บริโภคราคาขายกิโลกรัมละ 300 บาท ถึง 400 บาท

สนใจโทร. 0-2709-1109-1