เศรษฐกิจซึม กระทบตลาดของขวัญ ของชำร่วย ร่วม 10,000 ล้านบาท ลูกค้าคอนซูเมอร์หันพึ่งอินเฮ้าส์โปรดักส์ ยอดสั่งของชำร่วยหดตัว “แดช” ปรับตัวรับศึก เข้าถึงลูกค้าช่วยคิดโครงการ จับตลาดขายตรงบูม มั่นใจเข็นรายได้เท่าปีก่อนที่ 135 ล้านบาท
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดช อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และนายกสมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น มองว่า จะส่งผลต่อภาพรวมตลาดของขวัญ ของชำร่วย มูลค่า 10,000 ล้านบาท อาจจะทรงตัว จากปกติจะมีอัตราการเติบโตที่ 5-10% ทุกปี โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่า ยอดออเดอร์มีการชะลอตัวและเลื่อนสั่งสินค้าออกไป เพราะลูกค้ายังไม่มั่นใจในสถานการณ์ แต่พอเข้าสู่ไตรมาสสอง พบว่า ยอดการสั่งของชำร่วยเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ มองว่า ไตรมาสสามและสี่ ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งช่วงที่ดีที่สุดของการขาย คือ ไตรมาสสี่ เฉพาะ 3 เดือนสุดท้ายของปี ยอดขายจะเท่ากับ 9 เดือนแรกของปี
ทั้งนี้ เมื่อแยกกลุ่มธุรกิจออกมา จะพบว่า ของขวัญ ของชำร่วย เกี่ยวกับธุรกิจด้านการศึกษา เป็นตลาดที่น่าสนใจ ขณะที่กลุ่มเรียลเอสเตท เป็นกลุ่มที่ชะลอการสั่งซื้อสินค้าของชำร่วยลดลง รวมถึงกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ พบว่า หันมาใช้กลยุทธ์อินเฮ้าส์โปรดักส์ ใช้เป็นของชำร่วยแทน พบมากในกลุ่มของใช้ประจำวัน ที่จะมีการแจกสินค้าในขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมา ส่วนหนึ่งถือเป็นโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกในส่วนของสินค้าของขวัญ ของชำร่วย ออกมาแล้ว กลุ่มสินค้าที่อิงเรื่องของโกลบอลวอร์มมิ่ง ยังมีทิศทางการเติบโตสูงมาก ขณะที่ตลาดของขวัญ ของชำร่วย มูลค่า 10,000 ล้านบาท กลุ่มเสื้อผ้า จะมีสัดส่วนมากสุดถึง 30% โดยปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 500% โดยเฉพาะพวกถุงผ้า รองลงมาคือกลุ่มกระเป๋า 10% กลุ่มแอสเซทเซอรี่ในสำนักงาน 6.8% ปากกา 6.4% ผ้าปัก, ผ้าขนหนู 5% อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ 5.5% และสินค้าในกลุ่มออโตโมทีฟ 5.5% ที่เหลือเป็นอื่นๆ
นายจิรบูลย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของแดช โชคดีที่จับตลาดสินค้าระดับพรีเมียม จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจมากนัก โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดรายได้ยังทรงตัวเท่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งปี บริษัท ตั้งเป้ารายได้รวมเท่าปีที่ผ่านมา ประมาณ 135 ล้านบาท จากเดิมที่มองว่าอาจจะเติบโตลดลง แต่เนื่องจากเห็นสัญญาณที่ดี จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะยังมีรายได้เท่าปีก่อน
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของปีนี้ ทางบริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า วิธีการทำงาน จะมีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เริ่มตั้งแต่เข้าไปช่วยลูกค้าคิดสร้างโครงการตั้งแต่ต้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว ขณะนี้มีลูกค้าที่ร่วมสร้างโครงการกว่า 20 โครงการ เป็นกลุ่มที่จะช่วยสร้างรายได้หลักให้บริษัทในปีนี้ โดยลูกค้าที่หันมาทำโครงการมากขึ้นจะเป็นกลุ่มธุรกิจขายตรง ที่มีการใช้เรื่องของของขวัญของชำร่วย ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าภาครัฐก็เป็นอีกกลุ่มที่บริษัทให้ความสนใจ เพราะงบประมาณค่อนข้างสูง ในการใช้จ่ายกับเรื่องของของขวัญของชำร่วย โดยปีนี้บริษัทมีลูกค้าเอกชนกว่า 70% และภาครัฐ 30%
ล่าสุด ทางสมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้าน ร่วมกับทาง บริษัท บางกอกอีเวนท์ แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด จัดงาน “Bangkok Gift & Premium” ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ย. 2552 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร จำนวนกว่า 180 บูธ เชื่อมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 10,000 คน และมีเงินสะพัดภายในงานราว 200 ล้านบาท
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดช อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และนายกสมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น มองว่า จะส่งผลต่อภาพรวมตลาดของขวัญ ของชำร่วย มูลค่า 10,000 ล้านบาท อาจจะทรงตัว จากปกติจะมีอัตราการเติบโตที่ 5-10% ทุกปี โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่า ยอดออเดอร์มีการชะลอตัวและเลื่อนสั่งสินค้าออกไป เพราะลูกค้ายังไม่มั่นใจในสถานการณ์ แต่พอเข้าสู่ไตรมาสสอง พบว่า ยอดการสั่งของชำร่วยเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ มองว่า ไตรมาสสามและสี่ ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งช่วงที่ดีที่สุดของการขาย คือ ไตรมาสสี่ เฉพาะ 3 เดือนสุดท้ายของปี ยอดขายจะเท่ากับ 9 เดือนแรกของปี
ทั้งนี้ เมื่อแยกกลุ่มธุรกิจออกมา จะพบว่า ของขวัญ ของชำร่วย เกี่ยวกับธุรกิจด้านการศึกษา เป็นตลาดที่น่าสนใจ ขณะที่กลุ่มเรียลเอสเตท เป็นกลุ่มที่ชะลอการสั่งซื้อสินค้าของชำร่วยลดลง รวมถึงกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ พบว่า หันมาใช้กลยุทธ์อินเฮ้าส์โปรดักส์ ใช้เป็นของชำร่วยแทน พบมากในกลุ่มของใช้ประจำวัน ที่จะมีการแจกสินค้าในขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมา ส่วนหนึ่งถือเป็นโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกในส่วนของสินค้าของขวัญ ของชำร่วย ออกมาแล้ว กลุ่มสินค้าที่อิงเรื่องของโกลบอลวอร์มมิ่ง ยังมีทิศทางการเติบโตสูงมาก ขณะที่ตลาดของขวัญ ของชำร่วย มูลค่า 10,000 ล้านบาท กลุ่มเสื้อผ้า จะมีสัดส่วนมากสุดถึง 30% โดยปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 500% โดยเฉพาะพวกถุงผ้า รองลงมาคือกลุ่มกระเป๋า 10% กลุ่มแอสเซทเซอรี่ในสำนักงาน 6.8% ปากกา 6.4% ผ้าปัก, ผ้าขนหนู 5% อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ 5.5% และสินค้าในกลุ่มออโตโมทีฟ 5.5% ที่เหลือเป็นอื่นๆ
นายจิรบูลย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของแดช โชคดีที่จับตลาดสินค้าระดับพรีเมียม จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจมากนัก โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดรายได้ยังทรงตัวเท่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งปี บริษัท ตั้งเป้ารายได้รวมเท่าปีที่ผ่านมา ประมาณ 135 ล้านบาท จากเดิมที่มองว่าอาจจะเติบโตลดลง แต่เนื่องจากเห็นสัญญาณที่ดี จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะยังมีรายได้เท่าปีก่อน
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของปีนี้ ทางบริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า วิธีการทำงาน จะมีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เริ่มตั้งแต่เข้าไปช่วยลูกค้าคิดสร้างโครงการตั้งแต่ต้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว ขณะนี้มีลูกค้าที่ร่วมสร้างโครงการกว่า 20 โครงการ เป็นกลุ่มที่จะช่วยสร้างรายได้หลักให้บริษัทในปีนี้ โดยลูกค้าที่หันมาทำโครงการมากขึ้นจะเป็นกลุ่มธุรกิจขายตรง ที่มีการใช้เรื่องของของขวัญของชำร่วย ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าภาครัฐก็เป็นอีกกลุ่มที่บริษัทให้ความสนใจ เพราะงบประมาณค่อนข้างสูง ในการใช้จ่ายกับเรื่องของของขวัญของชำร่วย โดยปีนี้บริษัทมีลูกค้าเอกชนกว่า 70% และภาครัฐ 30%
ล่าสุด ทางสมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้าน ร่วมกับทาง บริษัท บางกอกอีเวนท์ แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด จัดงาน “Bangkok Gift & Premium” ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ย. 2552 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร จำนวนกว่า 180 บูธ เชื่อมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 10,000 คน และมีเงินสะพัดภายในงานราว 200 ล้านบาท