นักวิชาการ เสนอทุกฝ่ายประสานพลังอุ้มเอสเอ็มอี

ที่ปรึกษา รมช. คลัง ชี้ทางรอดเอสเอ็มอี ทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือ ทั้งภาครัฐ เอกชนขนาดใหญ่ และสถาบันการเงิน แต่ละฝ่ายควรคิดนอกกรอบในหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ไปยุหรือคิดแทนหน่วยงานอื่นๆ

นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “ทางรอดเอสเอ็มอีไทยในปี 2009” ว่า แนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอี เพื่อรับมือวิกฤติเศรษฐกิจในปีหน้า (2552) ทุกฝ่ายต้องเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน อย่าผลักภาระหรือเอาแต่เสนอความคิดไปให้หน่วยงานอื่นๆ แต่ขอให้แต่ละฝ่าย ทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตัวเองให้ดีที่สุด และแสดงความคิดนอกกรอบของตัวเองออกมา เช่น หน่วยงานของรัฐทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรคิดนอกกรอบเพื่อหาแนวทางของหน่วยงานตนเองในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยไม่ควรคิดแทนองค์กรอื่น

ขณะที่บริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ต่างๆ ต้องออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แทนที่ผลักภาระความรับผิดชอบไปสู่เอสเอ็มอี

สำหรับสถาบันการเงิน ต้องยอมลดหย่อนหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้แก่เอสเอ็มอี ให้ต้องคำนึงว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 รัฐบาลได้นำภาษีของประชาชน 1.5 ล้านล้านบาท มาช่วยเหลือสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลต้องนำงบประมาณชดเชยภาระดอกเบี้ย 50,000-60,000 ล้านบาท/ปี เพื่อให้สถาบันการเงินอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น เพื่อให้ภาคธุรกิจที่มีปัญหาก็ต้องหาแนวทางช่วยเหลือไม่ใช่ปล่อยให้มีปัญหาตามลำพัง

ส่วนตัวของเอสเอ็มอีแล้ว เชื่อว่า ทุกวันนี้ผู้ประกอบการพยายามจะต่อสู้ดิ้นรนในการทำธุรกิจอยู่แล้ว เพราะคนกลุ่มนี้ เชื่อได้ว่า คนทำธุรกิจไม่มีใครอยากให้กิจการต้องล้มเหลว

ทั้งนี้ เมื่อแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว รัฐบาลต้องนำความคิดนอกกรอบทุกด้านมาประมวลเป็นแนวทางเพื่อจะช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ได้ผลดีที่สุด นอกจากนั้น อยากฝากให้เดินหน้าตั้งกองทุนดอกเบี้ยต่ำ 40,000 ล้านบาท ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบแล้ว เพื่อปล่อยกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ และนำเงินดังกล่าวปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีดอกเบี้ยต่ำ