ความคุ้นเคยในวิถีชีวิตแห่งป่าไม้เมื่อครั้งเยาว์วัย ถือเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน แต่เมื่อเติบโตขึ้น และต้องออกจากท้องถิ่นอันเป็นที่รัก เพื่อเข้ามาทำงานในเมืองหลวง ทำให้ความทรงจำเดิมๆ ยังตรึงอยู่ในหัวใจ จนกระทั่งได้กลับไปเยือนบ้านเกิดอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะความทรงจำเดิมๆ ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ สิ่งนก เสียงจิ้งหรีด ที่นับวันธรรมชาติเหล่านี้ค่อยๆ เลือนหายไป
เมื่อลูกแห่งขุนเขาสัมผัสได้ถึงธรรมชาติที่คุ้นเคยกำลังจะสูญหายไป จึงคิดเก็บความทรงจำเดิมๆ ของตนไว้ที่สิ่งประดิษฐ์ที่ได้รวบรวมของป่าที่ร่วงหล่นในผืนป่า มาประกอบเป็นตัวสัตว์ต่างๆ ที่สื่อถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชนบท
“ถิ่นป่า” ถือเป็นนามที่นายพรชัย กองอุดม ผู้ผลิตของที่ระลึกจากวัสดุธรรมชาติ (วัชพืช) ถูกเพื่อนในกลุ่มเรียกขาน เนื่องจากชื่นชอบการเที่ยวป่า และรักในป่าไม้ โดยทนไม่ได้ที่เห็นป่าไม้ถูกทำลายไปเรื่อยๆ จึงคิดเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ด้วยสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ เช่น เปลือกไม้ กะลามะพร้าว เม็ดมะค่า และเม็ดมะกล่ำแดง เป็นต้น โดยนายพรชัย เล่าว่า ตนเองเกิดมาพร้อมกับผืนป่า จ.ร้อยเอ็ด เมื่อถึงวัยทำงานก็ได้เข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ด้านการออกแบบสิ่งพิมพ์ต่างๆ ให้กับโรงงานแห่งหนึ่ง ประมาณ 5 ปี ต่อมา ต่อมาจึงเปลี่ยนไปที่งานของสายการบิน โดยทำงานด้านวัสดุสิ้นเปลืองบนสายการบินทั่วโลก เช่น กล่องกระดาษใส่อาหาร ผ้าเช็ดปาก ซึ่งตนเองจะเป็นผู้ออกแบบโลโก้ หรือลวดลายให้เหมาะสมของแต่ละสายการบิน
แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งนายพรชัย เริ่มรู้สึกว่าการทำงานตรงนี้เหมือนติดอยู่ในกรอบ ไม่มีอิสระทางความคิด จึงตัดสินใจทิ้งงานที่เมืองหลวง กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด แต่รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม จึงได้นำผลผลิตจากป่ามาประดิษฐ์เป็น มด แมลงต่างๆ นก, กบ และเขียด เพื่อทำเป็นของที่ระลึกและของฝากให้กับเพื่อน จนเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมาได้นำสินค้าเข้าคัดสรรสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จนได้รับรางวัลสินค้าโอทอประดับ 4 ดาว ทำให้มีผู้รู้จักสินค้ามากขึ้น และติดต่อขอซื้อเป็นจำนวนมาก
“ที่ผมทำสิ่งประดิษฐ์จากธรรมชาติออกมาในช่วงแรก ไม่คิดจะทำขาย แต่จะเน้นสอนให้กับเยาวชนในท้องถิ่น หวังให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้จักคุณค่าของป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่เมื่อมีคนรู้จักมากขึ้น ก็สั่งทำ ส่งผลให้ในปี 2548 คิดทำขายอย่างจริงจัง นำร่องออกงานกับหน่วยงานราชการ ซึ่งรูปแบบจะทำออกเป็นตัวมด ตั๊กแตนตำข้าว จั๊กจั่น และแมงมุม เป็นต้น”
เป็นที่น่าสังเกตว่าสินค้าของ “ถิ่นป่า” จะไม่เน้นไปที่ประโยชน์ใช้สอยมากนัก ซึ่ง พรชัย บอกว่า เป็นความตั้งใจของตนที่ไม่เน้นประโยชน์ใช้สอย แต่ประดิษฐ์สินค้าเพื่อตอบสนองด้านจิตใจ และความต้องการของตนเองเท่านั้น เน้นทำสิ่งที่ตนเองคิดอยากจะทำ เมื่อได้มองเห็นสิ่งประดิษฐ์ของของป่าที่ทำเองจะรู้สึกอบอุ่นใจ และมีความสุข ซึ่งตนเองตั้งใจที่จะทำศิลปะในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักผลผลิตจากธรรมชาติ อย่าง กะลา ทางมะพร้าว เปลือกไม้ ลูกไม้ ลูกน้ำเต้า หรือแม้กระทั่งซังข้าว ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาได้ง่ายตามท้องถิ่นของตนเอง
“ผลงานของผมตอนนี้ทำตามกำลังที่มี แต่บางครั้งเมื่ออาร์เดอร์เข้ามาเยอะ ก็จะกระจายงานบางส่วนให้กับลูกศิษย์ที่ผมเคยถ่ายทอดความรู้ไป ซึ่งจะแบ่งตามความถนัดของแต่ละคน เช่น บางคนทำ เต่า ปู มด ได้ดี ก็จะให้ทำตัวเหล่านั้นไป ซึ่งก็เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง นอกฤดูการทำนา ซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่ 10-10,000 บาท ปัจจุบันวางจำหน่ายที่ศูนย์สินค้าโอทอป วัดผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด”
สำหรับแผนธุรกิจ พรชัย บอกว่า ตนเองไม่ได้วางแผนอะไรในอนาคตเกี่ยวกับธุรกิจนี้เลย แต่อยากจะทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ มีวัสดุที่หาได้จากป่าก็ผลิต เน้นการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เพราะตอนนี้ก็ถือว่าตนเองมีชีวิตที่ “สุขที่สุดแล้ว” ไม่ต้องผลัดถิ่นจากบ้านเกิด ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติอันเป็นที่รัก รวมถึงลูกหลานที่เข้ามาช่วยทำงานตรงนี้ก็ไม่ต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ส่งผลให้ครอบครัวของคนในท้องถิ่นมีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
***สนใจติดต่อ เลขที่ 91 ม.8 ต.มุ่งเลิศ อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด โทร 08-7233-3920***