ส.อ.ท. จับมือ ก.คลัง เดินเครื่องโครงการ “เอสเอ็มอีเพาเวอร์”

ส.อ.ท. ร่วมมือ ก.คลัง ขับเคลื่อนโครงการ “เอสเอ็มอีเพาเวอร์” ซึ่งเป็นโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ ผ่านเอสเอ็มอีแบงก์ ชี้ผู้ประกอบการอยากให้การเมืองนิ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและนักลงทุน พร้อมจัดหาแหล่งสร้างสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ และดูแลค่าเงินบาทอยู่ระดับ 33-35 บ. เพื่อช่วยภาคส่งออก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 พ.ย. 2551 นี้ กระทรวงการคลัง เตรียมร่วมลงนามกับ ส.อ.ท. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท. ภายใต้โครงการ “เอสเอ็มอีเพาเวอร์” ซึ่งเป็นโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ โดยได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) เตรียมวงเงินปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ จำนวน 10,000 ล้านบาท และหลังจากนั้น จะทำโรดโชว์ เพื่อให้วงเงินสินเชื่อกระจายสู่เอสเอ็มอีทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันยังไม่มีจัดทำแบล็กลิสต์อุตสาหกรรมในการระงับการให้สินเชื่อ แต่ได้รับรายงานจาก สมาชิก ส.อ.ท.ว่า การปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดในการพิจารณาเท่านั้น

ทั้งนี้ ประธาน ส.อ.ท. ระบุด้วยว่า ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จะเสนอต่อภาครัฐ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ภาครัฐควรแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและนักลงทุน ควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2552 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับภาคอุตสาหกรรม ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภายในประเทศ รวมทั้งช่วยสนับสนุนหาตลาดใหม่ ๆ ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อทดแทนตลาดหลัก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสหรัฐ และดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้มีความผันผวน โดยคงระดับไว้ที่ 33-35 บาท เพื่อช่วยอุตสาหกรรมภาคส่งออก

นายสันติ ยังกล่าวด้วยว่า จากการเข้าร่วมประชุมคณะที่ปรึกษา นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี วานนี้ (18 พ.ย.) ที่ประชุมเป็นห่วงปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และนายโอฬาร ได้ขอให้ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย ช่วยตรวจสอบสถานการณ์ ข้อเท็จจริง ว่า สภาพการปล่อยสินเชื่อมีปัญหาอุปสรรคข้อติดขัดอย่างไร โดยดูถึงรายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะที่ปรึกษาใน อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า