ผู้จัดการรายวัน -กกร.หวั่นวิกฤติการเมืองฉุดเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว ต้องการให้ปัญหายุติโดยเร็วที่สุดโดยไม่มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา โยนให้การเมืองคิดเองว่าควรทำอย่างไรเหตุเป็นเอกชนมีหน้าที่ทำให้ศก.เดินไปข้างหน้า หวังปัญหาคลี่คลายเร็วที่สุด เผยนักลงทุนและผู้ซื้อสินค้าไทยเริ่มสอบถามมากขึ้นหวั่นยื้อนานยิ่งขาดความเชื่อมั่นไทย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยหลังการหารือกกร.วานนี้(1ก.ย.) ว่า ที่ประชุมกกร.ได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและมีจุดยืนร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 เรื่องกล่าวคือ 1. ไม่ต้องการให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา 2. การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพแต่ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยเนื่องจากกรณีปิดสนามบินจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในอนาคต และ 3. ต้องการให้สถานการณ์ยุติโดยเร็วที่สุด
“ กรณีสถานการณ์ยุติโดยเร็วนั้นส่วนของฝ่ายการเมืองเราคงบอกไม่ได้ว่าควรจะทำอย่างไรเพราะเราเป็นเอกชนมีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้า การเมืองน่าจะทราบดีว่าควรทำเช่นไรเพราะยิ่งยืดเยื้อออกไปจะยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจไม่ต้องการเห็นการลามไปถึงอนาคตเพราะปัญหาเศรษฐกิจข้างหน้ายังมีเรื่องให้ต้องแก้ไขเพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัว ปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐแนวโน้มไม่สู้ดี ถ้าเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาภายในอีกก็จะยิ่งซ้ำเติม จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้นำเอาเศรษฐกิจอนาคตของประเทศมาเดิมพัน”นายอภิศักดิ์กล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ปัญหาการชุมนุมที่เกิดขึ้นและมีการปิดสนามบินภาพที่ออกข่าวไปส่งผลให้นักลงทุนสอบถามมาค่อนข้างมากเพราะเป็นภาพพจน์ของประเทศซึ่งจะมีความอ่อนไหวมากต่อตลาดทุน และการท่องเที่ยวโดยเฉพาะท่องเที่ยวที่ใกล้ฤดูท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) หากยืดเยื้อจะทำให้กระทบในระยะยาวได้จึงต้องการให้ยุติปัญหาโดยเร็วที่สุดเพราะขณะนี้การลงทุนและการบริโภคคือหัวใจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหากความเชื่อมั่นขาดไปก็จะกระทบ 2 ส่วนนี้ค่อนข้างมาก
นายพงษ์ศักดิ์ อัสกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนของการส่งออกล่าสุดแม้ว่าจะยังไม่กระทบกับออร์เดอร์การผลิตและส่งออกแต่ผู้สั่งซื้อเริ่มสอบถามถึงความไม่แน่ใจว่าผู้ผลิตจะส่งสินค้าได้ทันหรือไม่เพราะภาพที่ออกทาง CNN ที่เกิดการปะทะ ปิดสนามบินจนเดินทางไม่ได้ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งหากเหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไปอาจทำให้ไทยเสียโอกาสส่งออกได้ในที่สุด
“ต่างชาติไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่ออกไปมันทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งการสอบถามมากขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีนักวันนี้ออร์เดอร์ยังมีอยู่แต่ถ้าเขาไม่เชื่อถือเราอาจจะสูญเสียได้เหมือนกัน”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยหลังการหารือกกร.วานนี้(1ก.ย.) ว่า ที่ประชุมกกร.ได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและมีจุดยืนร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 เรื่องกล่าวคือ 1. ไม่ต้องการให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา 2. การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพแต่ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยเนื่องจากกรณีปิดสนามบินจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในอนาคต และ 3. ต้องการให้สถานการณ์ยุติโดยเร็วที่สุด
“ กรณีสถานการณ์ยุติโดยเร็วนั้นส่วนของฝ่ายการเมืองเราคงบอกไม่ได้ว่าควรจะทำอย่างไรเพราะเราเป็นเอกชนมีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้า การเมืองน่าจะทราบดีว่าควรทำเช่นไรเพราะยิ่งยืดเยื้อออกไปจะยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจไม่ต้องการเห็นการลามไปถึงอนาคตเพราะปัญหาเศรษฐกิจข้างหน้ายังมีเรื่องให้ต้องแก้ไขเพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัว ปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐแนวโน้มไม่สู้ดี ถ้าเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาภายในอีกก็จะยิ่งซ้ำเติม จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้นำเอาเศรษฐกิจอนาคตของประเทศมาเดิมพัน”นายอภิศักดิ์กล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ปัญหาการชุมนุมที่เกิดขึ้นและมีการปิดสนามบินภาพที่ออกข่าวไปส่งผลให้นักลงทุนสอบถามมาค่อนข้างมากเพราะเป็นภาพพจน์ของประเทศซึ่งจะมีความอ่อนไหวมากต่อตลาดทุน และการท่องเที่ยวโดยเฉพาะท่องเที่ยวที่ใกล้ฤดูท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) หากยืดเยื้อจะทำให้กระทบในระยะยาวได้จึงต้องการให้ยุติปัญหาโดยเร็วที่สุดเพราะขณะนี้การลงทุนและการบริโภคคือหัวใจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหากความเชื่อมั่นขาดไปก็จะกระทบ 2 ส่วนนี้ค่อนข้างมาก
นายพงษ์ศักดิ์ อัสกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนของการส่งออกล่าสุดแม้ว่าจะยังไม่กระทบกับออร์เดอร์การผลิตและส่งออกแต่ผู้สั่งซื้อเริ่มสอบถามถึงความไม่แน่ใจว่าผู้ผลิตจะส่งสินค้าได้ทันหรือไม่เพราะภาพที่ออกทาง CNN ที่เกิดการปะทะ ปิดสนามบินจนเดินทางไม่ได้ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งหากเหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไปอาจทำให้ไทยเสียโอกาสส่งออกได้ในที่สุด
“ต่างชาติไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่ออกไปมันทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นซึ่งการสอบถามมากขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีนักวันนี้ออร์เดอร์ยังมีอยู่แต่ถ้าเขาไม่เชื่อถือเราอาจจะสูญเสียได้เหมือนกัน”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว