“ไชยา” เชื่อตัวเลขส่งออกไทยยังโตได้ต่อเนื่อง แม้เผชิญปัญหาวิกฤตสหรัฐฯ ชี้จากการเตรียมรับมือของภาครัฐฯ และเอกชน หาตลาดใหม่ทดแทนตลาดหลักที่มีปัญหา คาดตัวเลขส่งออกโต 15-20% ฟุ้งตัวเลขส่งออกปี 52 ยังโตได้อีก เหตุหาคู่ค้าตลาดใหม่
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้หลายฝ่ายจะหวั่นวิตกปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐและอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดต่างประเทศ แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังเชื่อมั่นว่า การส่งออกของไทยในปีนี้และในปีหน้ายังมีอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่องอย่างแน่นอน เป็นผลมาจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนและการหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทนตลาดหลักที่มีปัญหา
ทั้งนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินตัวเลขการส่งออกในปีนี้ แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลขการส่งออกปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15-20 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการคาดการณ์เป้าหมายตัวเลขการส่งออกในปี 2552 บนพื้นฐานเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ภาคการส่งออกของไทยยังสดใสและมีอัตราการขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15-19 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 207,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากการหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทนตลาดหลัก แม้ว่าตลาดหลัก เช่น สหรัฐจะมีอัตราการส่งออกลดลง แต่เท่าที่ได้ติดตามความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในหลายประเทศรวมถึงตลาดสหรัฐยังมีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเพิ่มขึ้น
“ทางกระทรวงฯ ได้ให้นโยบายทูตพาณิชย์และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ร่วมถึงภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันปรับแนวทางภาคการส่งออกในปีหน้าใหม่ โดยให้เน้นตลาดใหม่ เช่น จีน อินเดีย ตะวันออกกลางและอีกหลายประเทศให้มากขึ้น เพราะเท่าที่ประเมินสถานการณ์ในปีหน้าการส่งออกยังเป็นพระเอกที่จะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศมีอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าหลายสำนักจะคาดเดาว่าปีหน้าการส่งออกในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมจะประสบปัญหา แต่กระทรวงพาณิชย์จะใช้หลักกองทัพการค้าแบบเข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อขายสินค้าไทยโดยตรงและไม่เพียงสินค้าไทยเท่านั้น สินค้าด้านบริการ เช่น สปา การรักษาพยาบาล ภัตตาคาร และอื่น ๆ ไทยก็มีความพร้อมและเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้หลายฝ่ายจะหวั่นวิตกปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐและอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดต่างประเทศ แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังเชื่อมั่นว่า การส่งออกของไทยในปีนี้และในปีหน้ายังมีอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่องอย่างแน่นอน เป็นผลมาจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนและการหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทนตลาดหลักที่มีปัญหา
ทั้งนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินตัวเลขการส่งออกในปีนี้ แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลขการส่งออกปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15-20 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการคาดการณ์เป้าหมายตัวเลขการส่งออกในปี 2552 บนพื้นฐานเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ภาคการส่งออกของไทยยังสดใสและมีอัตราการขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15-19 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 207,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากการหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทนตลาดหลัก แม้ว่าตลาดหลัก เช่น สหรัฐจะมีอัตราการส่งออกลดลง แต่เท่าที่ได้ติดตามความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในหลายประเทศรวมถึงตลาดสหรัฐยังมีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเพิ่มขึ้น
“ทางกระทรวงฯ ได้ให้นโยบายทูตพาณิชย์และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ร่วมถึงภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันปรับแนวทางภาคการส่งออกในปีหน้าใหม่ โดยให้เน้นตลาดใหม่ เช่น จีน อินเดีย ตะวันออกกลางและอีกหลายประเทศให้มากขึ้น เพราะเท่าที่ประเมินสถานการณ์ในปีหน้าการส่งออกยังเป็นพระเอกที่จะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศมีอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าหลายสำนักจะคาดเดาว่าปีหน้าการส่งออกในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมจะประสบปัญหา แต่กระทรวงพาณิชย์จะใช้หลักกองทัพการค้าแบบเข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อขายสินค้าไทยโดยตรงและไม่เพียงสินค้าไทยเท่านั้น สินค้าด้านบริการ เช่น สปา การรักษาพยาบาล ภัตตาคาร และอื่น ๆ ไทยก็มีความพร้อมและเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว