xs
xsm
sm
md
lg

"ซาลาเปา 4 ภาค" ชูจุดขายเชื่อมสัมพันธ์ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โฉมหน้าซาลาเปาแต่ละไส้ทั้ง 4 ภาค
ในยุคที่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้ประจำที่มีอยู่เริ่มไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายการหารายได้เพิ่มจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งไม่เฉพาะคนทำงาน แม่บ้านเริ่มที่จะไม่อยู่นิ่งอยู่กับบ้าน โดยรอรายได้จากหัวหน้าครอบครัว จำเป็นจะต้องหารายได้ช่วยครอบครัวอีกทางหนึ่ง และการทำสินค้าในกลุ่มอาหารขายดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่ทุกคนต้องวางแผนการใช้จ่าย และเลือกใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น
ผศ.สิวลี ไทยถาวร  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)
ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารที่มีความแปลกใหม่ อย่าง ซาลาเปา 4 ภาค มาสอนให้กับกลุ่มแม่บ้าน เพื่อเป็นอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง และที่สำคัญทำได้ง่ายมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ผลตอบแทนค่อนข้างสูง

ผศ.สิวลี ไทยถาวร อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เล่าถึงเหตุที่ชื่อซาลาเปา 4 ภาค เนื่องจากไส้ซาลาเปาเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของแต่ภาค อาทิ ไส้เขียวหวาน (ภาคกลาง) ,ไส้น้ำพริกอ่อง (ภาคเหนือ) ,ไส้คั่วกลิ้ง (ภาคใต้) และ ไส้ลาบ (ภาคอีสาน) โดยมีรสชาดแปลกแหวกแนวไปจากรสชาดเดิมๆ ในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น ไส้หมูสับ หมูแดง ครีม เผือก งาดำ ฯลฯ โดยซาลาเปา 4 ภาคมีรสชาดจัดจ้านเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ชอบอาหารรสจัด
ส่วนผสมของไส้ซาลาเปา
นอกจากนี้ จุดเด่นที่แตกต่างของซาลาเปา 4 ภาค อยู่ที่เนื้อแป้งของซาลาเปา 4 ภาค เน้นความเป็นซาลาเปาแบบโบราณซึ่งมีเนื้อแป้งเหนียวไม่ร่วนซุยเหมือนเนื้อซาลาเปาในปัจจุบันที่หน้าซาลาเปาจะแตกร่วนเหมือนขนมปุยฝ้าย ทำให้เวลารับประทานเนื้อแป้งจะติดฟันได้ง่าย และการทำซาลาเปา 4 ภาคในครังนี้ ถือได้ว่าเป็นการประยุกต์อาหารไทยให้ผสมผสานเข้ากันได้กับอาหารจีน นับเป็นการสร้างความแตกต่างของสินค้าให้เป็นจุดขายได้อีกทางหนึ่งด้วย

“ซาลาเปา 4 ภาคเหมือนเป็นตัวแทนแต่ละภาคของประเทศไทย โดยภายหลังนักศึกษาทดลองผลิตออกออกจำหน่าย พบว่าตลาดตอบรับมาก เนื่องจากเป็นไส้ที่ไม่เหมือนใครและส่วนหนึ่งอาจถูกปากของผู้บริโภคที่ชอบอาหารรสจัด และไส้ที่เลือกมาก็ไปกันได้กับเนื้อแป้งซาลาเปา” ผศ.สิวลีกล่าว
ผัดไส้น้ำพริกอ่อง
ในส่วนของวิธีการทำซาลาเปา เริ่มด้วย การเตรียมส่วนผสมของสปองจ์ก่อน โดยมีอัตราส่วน แป้งสาลี น้ำ และยีสต์ หลังจากตวงส่วนผสมได้ตามต้องการแล้วให้ร่อนแป้งสาลี เติมยีสต์และน้ำผสมจนกระทั่งแป้งเนียน จากนั้นให้พักไว้ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วมาเตรียมส่วนผสมโด โดยมีอัตราส่วน แป้งสาลี ผงฟู น้ำตาลทราย น้ำ ไข่ไก่ เนยขาว และเกลือ
ผัดไส้คั่วกลิ้ง
หลังจากได้ส่วนผสมทั้ง 2 ส่วนแล้ว ให้เตรียมส่วนผสมของโดโดยร่อนแป้งและผงฟูเข้าด้วยกันเติมน้ำตาลทรายเกลือ ผสมให้เข้ากัน และค่อยๆ เติมน้ำและไข่ผสมจนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันดี หลังจากนั้นให้แบ่งส่วนผสมสปองจ์ลงไปผสมให้เข้ากัน เติมเนยขาวลงไปนวดผสมจนกระทั่งแป้งเนื้อเนียนได้ที่ดี พักก้อนแป้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ตัดแบ่งก่อนแป้งออกเป็นก้อนๆ ละ 25 กรัม ต่อจากนั้นให้คลึงก้อนแป้งเป็นแผ่นกลม ก่อไส้ที่เตรียมไว้ วางบนกระดาษ พักจนก้อนแป้งได้ที่ เสร็จแล้วให้นำซาลาเปาไปหนึ่งในไฟแรงน้ำเดือดพล่านประมาณ 15 นาที

ผศ.สิวลี บอกเคล็ดลับว่า ส่วนผสมของไส้แต่ละสูตรเมื่อนำไปผัดในกะทะจนแห้งดีแล้ว หากนำไปแช่แข็งสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนทีเดียว สำหรับการคำนวณต้นทุน ในช่วงที่ทำการศึกษาอยู่นั้น วัตถุดิบยังไม่ขึ้นราคาเช่นในปัจจุบัน ต้นทุนจะอยู่ที่ ลูกละ 2 บาท ขายในราคา 5 บาท แต่ปัจจุบันราคาวัตถุดิบสูงขึ้นแต่คาดว่าต้นทุนไม่น่าจะเกิน 3 บาท/ลูก ส่วนราคาขายจะอยู่ที่ 5 บาท หรือ 6 บาท/ลูกขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมของผู้ประกอบการ
การใส่ไส้ก่อนนำมาปั้น
ปัจจุบันทางมหาวิทยาลัย ได้ทำการสอนไปให้กับกลุ่มแม่บ้านจากจังหวัดสมุทรปราการที่ขอเข้ามาอบรม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มแม่บ้านที่แต่เดิมทำขนมหวานขาย แต่เจอปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ไม่สามารถปรับราคาตามได้เพราะปรับราคาเพิ่มคนกินก็น้อยลง จึงต้องการหาผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารในกลุ่มที่ไม่ใช้น้ำตาลลองทำขายดูบ้าง
แต้มสีเพื่อให้รู้ว่าอันไหนไส้อะไร
ผู้ที่สนใจหรือมีความประสงค์จะให้มหาวิทยาลัยเปิดอบรมวิชาชีพด้านอาชีพต่างๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผศ.สิวลี ไทยถาวร อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โทร.02-5493161 หรือ 085-1005567
กำลังโหลดความคิดเห็น